พิษณุโลก - ปักป้ายเตือน “อันตราย ห้ามเข้า ตรวจพบสารปนเปื้อน สารก่อมะเร็ง โรคระบบทางเดินหายใจ” เขตไฟคุใต้ดินพิษณุโลกแล้ว กรมควบคุมโรคระบุพบสารอันตราย 2 ชนิด ทั้งซัลเฟอร์ไดออกไซด์-คาร์บอนไดซัลไฟด์ ส่งผลกระทบถึงสมองด้วย
วันนี้ (26 เม.ย.) นายวินัย ทองชุบ นักวิชาการ สาธารณสุขชำนาญการกรมควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบริเวณหลุมเกิดไฟใต้ดินร้อนระอุ หมู่ 9 ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ว่า หลังเย็นวานนี้ (25 เม.ย.) ทางเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค สำนักงานป้องกัน ควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก นำเครื่องมือตรวจวัดก๊าซพิษในบรรยากาศ และสามารถตรวจหาก๊าซพิษได้มากกว่าร้อยชนิด ตรวจวัดสารที่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไปหลายชนิด โดยสารที่เป็นอันตรายมีอยู่ 2 ชนิด คือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ วัดได้ 3.56 ppm เกินมาตรฐานในระดับ 0.12 ppm ที่วัดในบรรยากาศโดยทั่วไป 24 ชั่วโมงปกติ ซึ่งสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ประกอบด้วยสารกำมะถัน ก่อให้เกิดการระคายเคืองตามระบบทางเดินหายใจ หากเข้าไปในพื้นที่จะต้องกันพื้นที่ไม่ให้คนเข้าใกล้กว่า 500 เมตร เพราะพบสารดังกล่าวเกินค่ามาตรฐานหลายสิบเท่า
นอกจากนี้ยังตรวจพบสารพิษที่มีปัญหาต่อสุขภาพอีกชนิด คือ คาร์บอนไดซัลไฟด์ ซึ่งค่ามาตรฐานเดิมต้องไม่เกิน 20 ppm แต่กำลังจะปรับเป็นไม่เกิน 0.15 ppm โดยวัดได้ 4.99 ppm
นายวินัยบอกว่า กรณีได้รับสารทั้ง 2 ดังกล่าว หากเข้าสู่ร่างกายอาการที่เกิดขึ้นคือ ระคายเคืองทางผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ ดวงตา และตามข้อมูลสืบค้นระบุว่า หากได้รับสารดังกล่าวทั้ง 2 ชนิดเป็นเวลาหลายวันหรือต่อเนื่อง จะก่อเกิดอาการทางจิต มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง ประสาทตาอักเสบ ถ้าระยะยาวจะเจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ ความจำเสื่อมคล้ายคนป่วยโรคพาร์กินสันที่สั่นตลอด รวมทั้งอาจมีอาการผิดปกติทางสมอง เส้นประสาทอักเสบ หลอดเลือดแดงแข็งตัว
นายวินัยยังบอกอีกว่า ขณะเดียวกัน ในบริเวณดังกล่าวยังได้พบสารที่ก่อให้เกิดอันตรายอีกหลายชนิด แต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน เช่น แอมโมเนีย คาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ อบต.หนองกะท้าว ร่วมกับกรมควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก ได้นำป้ายเตือน “อันตราย ห้ามเข้า ตรวจพบสารปนเปื้อน สารก่อมะเร็ง โรคระบบทางเดินหายใจ” ไปปักไว้ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ แต่ก็ยังคงมีชาวบ้านแวะเวียนมาดูแบบไม่ขาดสาย