พิษณุโลก - กรมควบคุมโรคตรวจหาก๊าซพิษหลุมไฟนครไทยวันที่สอง ยังพบ 2 สารอันตรายต่อร่างกายในปริมาณสูง ทำป้ายเตือนมีสารปนเปื้อน ให้อยู่ห่าง 500 เมตร แต่ชาวบ้านยังแห่ดูต่อเนื่อง
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่บริเวณหลุมไฟ หมู๋ 9 บ้านเนินตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จุดที่เกิดปรากฏการณ์ไฟลุกจากผิวดินจนสร้างความแตกตื่นแก่ชาวอำเภอนครไทยและผู้ที่รู้ข่าวอย่างมาก ยังคงมีประชาชนเดินทางมาชมปรากฏการณ์กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุ จุดที่เกิดไฟไหม้ก็ยังคงมีความร้อนสูง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำเชือกกั้นบริเวณไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้เพื่อป้องกันอันตราย
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมทรัพยากรธรณี และกรมควบคุมโรค ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิษณุโลก ในวันแรกที่มีการพบเหตุไฟลุกจากใต้ดินดังกล่าว (25 เม.ย.) พบว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากปฏิกิริยาสันดาป และการสะสมของเศษขี้เลื่อย เศษไม้ กองถ่าน ที่หมักหมมมานานร่วม 30 ปี กระทั่งมีน้ำท่วมถึงจึงก่อให้เกิดก๊าซที่ก่อให้เกิดไฟลุกไหม้ใต้ผืนดินขึ้นมา
และในวันนี้ (26 เม.ย.) เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก ได้นำเครื่องมือตรวจวัดหาก๊าซพิษในบรรยากาศมาตรวจจับหาสารพิษรอบๆ หลุมไฟอำเภอนครไทยอีกครั้งเป็นวันที่สอง
โดยนายวินัย ทองชุบ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 เปิดเผยว่า ในวันนี้ตรวจพบก๊าซมีเทนอยู่ที่ 0.1 ppm ซึ่งค่ามาตรฐานปกติให้มีอยู่ที่ 5 ppm, ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ในบรรยากาศทั่วไปใน 1 ชั่วโมงปกติจะมีอยู่ได้ 9 ppm วันนี้ตรวจได้ 2.9 ppm ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ ไม่น่าห่วง ไม่มีผลกระทบต่อสุขสภาพ, ก๊าซไนตรัส ซึ่งปกติให้มีอยู่ในบรรยากาศที่ 25 ppm ตรวจได้ 0.1 ppm ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องตรวจหาก๊าซไนตรัสเพราะเป็นก๊าซที่มีส่วนเร่งปฏิกิริยาให้ก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์จุดติดไฟได้ หรือระเบิดได้
ส่วนก๊าซแอมโมเนีย ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 50 ppm ตรวจได้ 0.2 ppm ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีค่ามาตรฐานอยู่ที่ 1,000 ppm วันนี้ตรวจได้ 468 ppm ไม่น่ามีผลกระทบอะไร
นายวินัยเผยต่อว่า ส่วนก๊าซที่มีผลกระทบชัดเจน ยังคงยืนยันเหมือนข้อมูลที่ตรวจวันแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน 55 คือ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ วันนี้ตรวจวัดได้ 3.56 ppm ค่าปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 0.12 ppm ยังสูงกว่ามาตรฐานหลายสิบเท่า อีกตัวหนึ่งที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมาก คือ ก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ แม้แตกต่างจากเมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) ที่ตรวจพบ 23 ppm วันนี้ตรวจพบที่ 4.99 ppm ซึ่งปกติใน 8 ชั่วโมงการทำงานอยู่ที่ไม่เกิน 20 ppm ( ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษจะปรับค่ามาตรฐานในบรรยากาศทั่วไปของก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์อยู่ที่ 0.15 ppm แต่ยังไม่ประกาศใช้ )
นายวินัยเผยต่อว่า วันนี้ (26 เม.ย.) ต้องเฝ้าระวังเป็นวันที่สอง เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ และผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณข้างเคียง เนื่องจากสภาพลมบริเวณหลุมไฟนครไทยผันผวนมาก การตรวจหาค่าก๊าซที่มีผลกระทบต่อร่างกายก็ยังตรวจพบอยู่ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ ที่แม้จะตรวจพบในปริมาณที่น้อยลงแต่ก็ยังมีผลกระทบต่อสุขภาพคนมาก
นายวินัยบอกว่า กรมควบคุมโรคจะทำงานร่วมกับ รพ.สมเด็จพระยุพราชนครไทย เพื่อติดตามอาการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการรับก๊าซชนิดนี้ โดยจะมีอาการระคายเคืองตา มีอาการทางสมอง
สำหรับการเฝ้าระวัง และมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันนี้ การปฏิบัติของทางการยังคงเหมือนวันแรกที่พบหลุมไฟ คือทำแนวกั้น และกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่อันตราย และปล่อยให้มีการเผาไหม้ไปเอง ไม่ได้ใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟ พร้อมกับเขียนป้ายเตือนขนาดใหญ่ ประกาศชัดเจนว่าเป็นเขตอันตราย ห้ามเข้าใกล้ระยะ 500 เมตร เนื่องจากมีสารปนเปื้อนนอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เขียนประกาศขอความร่วมมือประชาชนไม่ให้โยนเศษดิน เศษหิน ลงใส่ในหลุมไฟเพื่อต้องการเห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นมา เนื่องจากจะมีผลต่อการฟุ้งกระจายของควันและก๊าซพิษ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปักป้ายเตือน แต่ก็ไม่สามารถห้ามประชาชนที่สนใจได้ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ได้จอดรถอยู่ริมถนน และเดินเข้าไปชมใกล้ๆ หลุมไฟ
