“นายพสิษฐ์” แฉอีก สาวพบ รพ.นวมินทร์ 9 เขตมีนบุรี มีพิรุธรายงานการใช้ยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ของบริษัท และ รพ.ไม่ตรงกัน
นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบ รพ.นวมินทร์ 1 และ 9 กรณียาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดยพบว่า มีความผิดปกติ ที่ รพ.นวมินทร์ 9 เขตมีนบุรี คือ รายงานการใช้ยาของบริษัท และ รพ.ไม่ตรงกัน โดยบริษัทระบุว่า มีการสั่งซื้อ 6 แสนเม็ด แต่ รพ.มีรายงานเพียง 3 แสนเม็ด ซึ่งโรงพยาบาลได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการมอบหลักฐานทั้งหมดในการสั่งยา เช็คสั่งจ่ายบริษัท เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปสอบสวนต่อ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิดอย่างไร
ต่อข้อถามถึงประเด็นที่มีการเปิดเผยว่า คนสนิทข้าราชการระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาหายในหลาย รพ.นั้น นายพสิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงในสัปดาห์หน้า แต่ในขณะนี้มีการดำเนินการภายในเพื่อหาความจริงไปบ้างแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอาจมีผู้ร่วมกระทำผิดอยู่ในกระทรวง และยังเป็นคนใกล้ชิดข้าราชการระดับสูง ซึ่งหลักฐานที่พบ ไม่ได้พบเพียง รพ.เดียวแต่มีหลักฐานที่สามารถระบุตัวบุคคลคนเดียวกันนี้ได้ จาก 2 รพ. คือ รพ.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนในเชิงลึก เพื่อขยายผลที่เกิดขึ้น
นายพสิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับที่ นายวิทยา พบข้อมูลว่า เภสัชกรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นขบวนการเดียวกัน แต่จะมีผู้ที่ร่วมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากหรือน้อยนั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังดำเนินการเรื่องนี้เพื่อขยายผลอยู่ ซึ่งเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สอบสวนมีความเชื่อไปในทิศทางว่า เรื่องนี้มีการทำเป็นขบวนการใหญ่ ประกอบกับเมื่อเจอหลักฐานที่มีชื่อคนสนิทของข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็ทำให้ต้องสอบสวนให้ถึงที่สุดว่าขบวนการนี้มีใครร่วมบ้าง
นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบ รพ.นวมินทร์ 1 และ 9 กรณียาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน โดยพบว่า มีความผิดปกติ ที่ รพ.นวมินทร์ 9 เขตมีนบุรี คือ รายงานการใช้ยาของบริษัท และ รพ.ไม่ตรงกัน โดยบริษัทระบุว่า มีการสั่งซื้อ 6 แสนเม็ด แต่ รพ.มีรายงานเพียง 3 แสนเม็ด ซึ่งโรงพยาบาลได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการมอบหลักฐานทั้งหมดในการสั่งยา เช็คสั่งจ่ายบริษัท เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปสอบสวนต่อ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิดอย่างไร
ต่อข้อถามถึงประเด็นที่มีการเปิดเผยว่า คนสนิทข้าราชการระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณียาหายในหลาย รพ.นั้น นายพสิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงในสัปดาห์หน้า แต่ในขณะนี้มีการดำเนินการภายในเพื่อหาความจริงไปบ้างแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอาจมีผู้ร่วมกระทำผิดอยู่ในกระทรวง และยังเป็นคนใกล้ชิดข้าราชการระดับสูง ซึ่งหลักฐานที่พบ ไม่ได้พบเพียง รพ.เดียวแต่มีหลักฐานที่สามารถระบุตัวบุคคลคนเดียวกันนี้ได้ จาก 2 รพ. คือ รพ.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนในเชิงลึก เพื่อขยายผลที่เกิดขึ้น
นายพสิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับที่ นายวิทยา พบข้อมูลว่า เภสัชกรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่า จะเป็นขบวนการเดียวกัน แต่จะมีผู้ที่ร่วมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากหรือน้อยนั้น เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังดำเนินการเรื่องนี้เพื่อขยายผลอยู่ ซึ่งเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สอบสวนมีความเชื่อไปในทิศทางว่า เรื่องนี้มีการทำเป็นขบวนการใหญ่ ประกอบกับเมื่อเจอหลักฐานที่มีชื่อคนสนิทของข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็ทำให้ต้องสอบสวนให้ถึงที่สุดว่าขบวนการนี้มีใครร่วมบ้าง
