xs
xsm
sm
md
lg

ร่างระเบียบ กรอ.ชง ครม.สัปดาห์หน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เร่งยกร่างระเบียบ กรอ.เสนอ ครม.สัญจรภูเก็ตสัปดาห์หน้า เพื่อรองรับการปล่อยกู้ กรอ.ระดับอุดมศึกษาปีที่ 1 ในปีการศึกษา 55 เหตุเพราะยังออกกฎหมายบังคับใช้ไม่ทัน “สุชาติ” ระบุ เปิดให้กู้ทุกสาขาวิชา แต่เฉพาะสาขาที่มีการกู้มาก ต้องพิจารณาคุณสมบัติสถาบันประกอบด้วย เพื่อคัดคนเก่ง เรียนดี เผย ให้กู้ใน 3 ส่วนเฉพาะกู้ค่าครองชีพต้องมีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 3 แสนบาท ชี้ ให้มอง กรอ.เป็นการให้ทุนการศึกษามากกว่าการปล่อยกู้ ด้าน “หมอธาดา” คาดเงินกองทุน 6,200 ล้านบาท เพียงพอปล่อยกู้ นศ.ปี 1 รับการกำหนดให้ต้องใช้คืนเมื่อครบกำหนด 2 ปีแบบ กยศ.ตรึงเกินไป อาจต้องปรับใหม่ในส่วนของ กรอ.เพื่อผ่อนคลายแต่ยันต้องคืนเป็นตัวเงิน

วันนี้ (12 มี.ค.) ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ผศ.ดร.ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษฏ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพ ในฐานะนายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย (สสอท.) และผู้แทนสำนักงบประมาณ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแนวทางการดำเนินการปล่อยกู้กองทุนเงินที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ว่า ที่ประชุมมีมติยกร่างระเบียบและวิธีปฏิบัติ เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุน กรอ.ตามนโยบายรัฐบาล โดยจะเน้นให้ผู้รับทุนกู้ได้ทุกสาขา ซึ่งปัจจุบันนั้นการปล่อยกู้ของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้นจะเน้นปล่อยกู้ใน 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มวิชาด้านสังคมศาสตร์ กลุ่มด้านศิลปกรรมศาสตร์ กลุ่มทางด้านเกษตรศาสตร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์ กลุ่มเภสัชศาสตร์และเทคนิคการแพทย์ และกลุ่มแพทย์ เช่น ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความเห็นด้วยว่า สาขาใดที่มีผู้แสดงความประสงค์กู้มากก็จะต้องดูคุณภาพของสถาบันการศึกษาประกอบด้วย เพื่อจะได้คัดเด็กที่มีคุณภาพเข้าเรียนได้จริงๆ

ทั้งนี้ กรอ.นั้นจะให้กู้ใน 3 ส่วน คือ ค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ค่าห้องแล็บ ค่าปฏิบัติการ หรือรายการอื่นๆ ที่สถาบันการศึกษาเรียกเก็บเพิ่มเติม โดยส่วนของค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องนั้น ทางกองทุนจะเป็นผู้โอนเงินไปยังสถานศึกษา แต่เฉพาะในส่วนการกู้ค่าครองชีพจะส่งให้นักเรียนโดยตรง แต่มีเงื่อนไขว่ารายได้ครัวเรือนไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี ซึ่งการปล่อยกู้ กรอ.นี้จะเปิดให้กู้เฉพาะนักศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมตอนปลาย (ม.4-6) และระดับอาชีวศึกษานั้นให้กู้โดยใช้ระเบียบ กยศ.เดิมต่อไป และสามารถกู้ได้ทั้ง 3 ส่วนเช่นเดียวกัน ยกเว้นเฉพาะค่าเล่าเรียนที่จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปี ซึ่งรัฐบาลได้อุดหนุนค่าใช้จ่ายให้อยู่แล้ว

“เป้าหมายของการที่ดำเนิน เพราะผมเคยสัญญาไว้กับพี่น้องพี่น้องประชาชน ว่า จะดูแลลูกหลานให้เหมือนลูก ไม่ใช่พอเรียนจบปุ๊บทำงานได้ไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่ใช้เงินคืน ก็จะต้องถูกฟ้อง โดยการกู้ กรอ.แบบใหม่นี้ไม่อยากให้มองว่าเป็นการกู้ยืมแต่อยากให้มองว่าเป็นการทุนการศึกษา พอมีเงินรายได้ระดับหนึ่งก็ค่อยมาใช้คือ ซึ่งเดิม กรอ.กำหนดไว้ที่ 16,000 บาท ค่อยใช้คืน ส่วนแบบใหม่จะเป็นเท่าไหร่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับ กยศ.ไปกำหนด ส่วนนักศึกษาปีที่ 2-4 ที่เคยกู้ กยศ.อยู่แล้วก็ให้กู้ในระบบ กยศ.ต่อเนื่องไปจนจบตามเดิม”นายสุชาติ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ได้ให้เร่งยกร่างเพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้าซึ่งมี ครม.สัญจร ที่ จ.ภูเก็ต

ด้าน ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าวว่า กรอ.รุ่น 3 จะไม่มีการทำสัญญาเงินกู้ เพราะแนวคิดของ กรอ.และ กยศ.ต้องการให้โอกาสเด็กทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจน ได้เรียนจนสูงสุดเท่าที่เจ้าตัวอยากเรียน ดังนั้น รัฐบาลจึงอยากทำเงื่อนไขการกู้เงินให้น้อยที่สุด ทุกคนจะได้สามารถกู้ได้ และมีความเชื่อว่าเมื่อเราดูแลเด็กอย่างดี เมื่อเด็กเรียนจบและมีงานทำ เด็กก็จะใช้เงินคืนตามหน้าที่ แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เกิดขึ้นในด้านลบเป็นเรื่องเฉพาะกรณีที่ต้องแก้ปัญหาไป

ขณะที่ นพ.ธาดา กล่าวว่า เพื่อให้สามารถปล่อยกู้ กรอ.ได้ทันในเทอม 1 ปีการศึกษา 2555 ทางคณะกรรมการกยศ.จะไปออกระเบียบ กยศ.รองรับ คาดว่า เมื่อ ครม.เห็นชอบก็น่าจะทันปล่อยกู้ในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งขณะนี้กองทุน กรอ.มีเงินอยู่ประมาณ 6,200 ล้านบาท คิดว่าเพียงพอที่จะปล่อยกู้ให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่จะเข้าใหม่ทั้งหมด โดยไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเงินของ กยศ.ส่วนรายละเอียดว่าเพดานค่าครองจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องไปหารือกับทางบอร์ดก่อน แต่คาดว่า ไม่ต่ำกว่าที่ให้ในระบบการกู้ กยศ.อยู่ที่ 26,400 บาทต่อปีเฉลี่ยเดือนละ 2,200 บาท ส่วนที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นระบบการให้ทุนแทนการทำสัญญาเงินกู้แบบ กยศ.ที่กำหนดให้ต้องชำระภายใน 2 ปี ไม่เช่นนั้นเด็กก็จะถูกฟ้อง ซึ่งทาง กยศ.มองว่า ระบบนี้ค่อนข้างตึงเกินไป ดังนั้น อาจต้องไปหาแนวทางปรับแก้ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแนวทางการใช้คืนนั้นมีมากมาย เช่น ทำในลักษณะเดียวกับการให้ทุนนักศึกษาแพทย์ ที่จบแล้ว ก็ต้องไปทำงานใช้ทุนตามโรงพยาบาล เป็นต้น แต่แน่นอนว่าเป้าหมายการใช้ทุนของ กรอ.ก็ยังคงต้องคืนเป็นตัวเงิน ส่วนจะคืนอย่างไร ขอไปจัดทำรายละเอียดและดูข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น