“ปราโมทย์” อัด กยน.สร้างแต่แผน ไม่ยอมลงมือทำ ลั่นเริ่มระอา การทำงานระบบกรรมการ เหตุงานไม่คืบหน้า ยันสถานการณ์น้ำช่วงนี้ยังไม่น่าห่วง แนะจับตาช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.
วานนี้ (2 ก.พ.) ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ มีการจัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 4 ซึ่งภายในงานดังกล่าวมีการจัดเวทีเสวนา “ศาสตร์พระราชากับการกู้วิกฤติชาติ” โดยมีการเชิญนายปราโมทย์ ไม้กลัด คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) มาร่วมเป็นวิทยากร
โดย นายปราโมทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากสถานการณ์น้ำในขณะนี้ซึ่งอยู่ในช่วงต้นเดือน ก.พ.นั้น น้ำตามธรรมชาติยังถือว่ามีปริมาณที่น้อยอยู่ ส่วนที่มีความกังวลกันในเรื่องของปริมาณน้ำที่มีการกักเก็บไว้ตามอ่างเก็บน้ำ เขื่อนต่างๆ ที่ยังอยู่ในระดับสูงนั้น ต้องชี้แจงว่าที่น้ำยังมีระดับสูงเพราะตามปกติแล้วในช่วงปลายหน้าฝนของทุกปีจะต้องมีการเก็บน้ำไว้เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ทำการเกษตรในช่วงหน้าแล้ง ดังนั้นการที่มีการออกมาระบุว่าน้ำตามเขื่อน คือ เขื่อนภูมิพล เก็บน้ำไว้ 84% เขื่อนสิริกิติ์ เก็บน้ำไว้ 82% ประชาชนไม่ต้องกังวล เพราะเป็นสภาวะปกติ และจะต้องมีการระบายน้ำไปให้ประชาชนใช้ในพื้นที่การเกษตรที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้านไร่ ทั่วประเทศทุกวันๆ ละมากกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย และพอถึงหน้าฝนน้ำในเขื่อนต่างๆ ก็จะลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ
Wในตอนนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่าปีนี้ปริมาณน้ำจะมากหรือน้อย เพราะขึ้นอยู่กับธรรมชาติ การที่จะประเมินสถานการณ์น้ำในปี 2555 ได้ ต้องรอช่วงต้นเดือนมิ.ย.จนถึงปลายเดือนก.ค. ซึ่งจะทำให้รู้ว่าในปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากน้อยเพียงใด" นายปราโมท กล่าว
นายปราโมทย์ กล่าวด้วยว่า เสวนา ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานหลักคิก หลักทำ ในการบริหารงานจัดการน้ำมาโดยตลอด เพื่อให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปทำต่อ ในช่วงที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงงานเรื่องน้ำมาก ทรงพระราชทานหลักคิดว่า “น้ำคือชีวิตต้องมีอย่างพอเพียง ต้องมีน้ำกิน น้ำใช้ ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ แต่หากไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้” ซึ่ง เป็นหลักคิดพื้นฐานที่สำคัญ ดังนั้นเราต้องนำหลักคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาต่อยอดในการบริหาร จัดการน้ำ ขณะเดียวกันเมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2538 พระองค์ก็ทรงพระราชทานหลักคิดให้หาทางเอาน้ำออกเร็วๆ อย่าไปกั้น
“ ในการประชุมกยน.ตนพยายามให้เอาศาสตร์ของในหลวง มาขับเคลื่อน ทั้งการทำ “ฟลัดเวย์” เพื่อระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมาศึกษา ต้องมาวิเคราะห์ รัฐบาลผู้บริหารบ้านเมืองต้องนำมาต่อยอด แต่ที่ผ่านมาธรรมชาติของคณะกรรมการ การทำงานระบบกรรมการมันยังไงก็ไม่รู้ แม้ประธานจะเป็นยังไง บอกไม่ถูก การทำงานระบบกรรมการนั้น ผมก็อยู่มาหลายบอร์ด จะเห็นถึงระบบการทำงาน ซึ่งระบบกรรมการก็จะนานๆจะเจอกันซะที ทั้งที่งานแบบนี้ต้องเกาะติดทุกวัน คิดออกมาเป็นระบบ ไม่ใช่พูดๆไป ประชาชนจะไม่รู้ ว่าจะทำยังไง ผมบอกไปแล้วว่าจะต้องมีการทำฟลัดเวย์ตรงไหนบ้าง หากไม่ทำน้ำมาเยอะผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เวลานี้มีแต่แผนแต่กระบวนการทำยังไม่ชัด ปี2555ไม่ต้องตกใจ แม้ฝนจะมาเร็วยังไงขอให้มีสติ ใช้ปัญญา อย่าไปขาดสติหลงเชื่อข่าวพ่อปลาบู่ ต้องมีสติ ปัญญา และจะไม่เดือดร้อน” นายปราโมทย์ กล่าว
" ปัญหาหลายๆอย่างบ้านเราขณะนี้เกิดขึ้นเพราะไม่มีการนำหลักคิดของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาพัฒนาต่อ ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลยุคนี้ แต่เป็นมาทุกยุค ไม่เข้าใจว่าขัดหลักบริหารราชการแผ่นดินหรืออย่างไร สุดท้ายอยากฝากยุทธศาสตร์ในการสู้น้ำท่วม คือ 1.สู้ภัย เพราะในเขต กทม.และปริมณฑลหนีไม่พ้นต้องสู้ ต้องวางยุทธศาสตร์ และต้องทำไม่ใช่พูด 2.ปรับตัวให้อยู่ได้ รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ ต้องมียุทธศาสตร์ให้คนอยู่ได้กับธรรมชาติ 3.หนี คือกรณีน้ำป่าไหลหลาก ต้องมีการจัดตั้งถิ่นฐานใหม่ให้กับชาวบ้านที่ไปสร้างหมู่บ้านขวางทางน้ำป่า" นายปราโมทย์ กล่าว