บอร์ด สปส.ไฟเขียว 2 โครงการอุ้มลูกจ้าง-นายจ้างประสบภัยน้ำท่วมทั้งให้ทั้งสองฝ่ายลดจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแบ่ง 2 ระยะเริ่ม 1 ม.ค.55 ลดลงร้อยละ 2 และ 1 ก.ค.55 ลดลงร้อยละ 1 ขณะที่รัฐจ่ายอัตราเดิม พร้อมอนุมัติโครงการสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ 1 หมื่นล้านบาทเริ่มปล่อยกู้ 1 ม.ค.ปีหน้าผ่าน 3 ธนาคาร
วันนี้ (30 พ.ย.) นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เปิดผลประชุมคณะกรรมการประกันสังคมเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั้งผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการใน 2 เรื่อง ได้แก่ 1.การให้ลดการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งปัจจุบันทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างจ่ายอยู่ที่ร้อยละ 5 โดยแบ่งเป็น 2 ระยะได้แก่ ระยะแรกให้ลดการจ่ายเงินสมทบร้อยละ 2 ของอัตราค่าจ้างทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง เป็นระยะเวลา 6 เดือนให้เริ่มในวันที่ 1 ม.ค.-มิ.ย. 2555 ทำให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายเงินสมทบเพียงร้อยละ 3
ส่วนระยะที่ 2 ให้ลดการจ่ายเงินสมทบร้อยละ 1 ของอัตราค่าจ้างทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง เป็นระยะเวลา 6 เดือนให้เริ่มเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2555 ทำให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพียงร้อยละ 4 ทั้งนี้ ในสองระยะนี้รัฐบาลยังคงจ่ายเงินสมทบในอัตราเท่าเดิม คือ ร้อยละ 2.75
นพ.สมเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนโครงการที่ 2 ที่ประชุมอนุมัติโครงการเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องการจ้างงานวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทเริ่มกู้ได้ในวันที่ 1 ม.ค. 2555 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 คงที่ 3 ปี ทั้งนี้ ผู้กู้จะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันกู้ได้ในอัตราร้อยละ 5 คงที่ 3 ปี
ขณะเดียวกัน สถานประกอบการที่จะกู้เงินในโครงการแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.สถานประกอบการที่มีลูกจ้างไม่เกิน 50 คน กู้ได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท 2.สถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 51-200 คน กู้ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท และ 3.สถานประกอบที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 201 คนขึ้นไปกู้ได้ไม่เกิน 4 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการที่จะกู้เงินโครงการได้ จะต้องมีสมาชิกกองทุนประกันสังคมไม่น้อยกว่า 3 เดือนโดยสามารถยื่นกู้ได้ใน 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
“หลังจากนี้จะออกเป็นกฎกระทรวงแรงงานเพื่อให้มีผลบังคับใช้และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป” นพ.สมเกียรติกล่าว