ปลัดแรงงาน ชงของบคณะกรรมการฟื้นฟูคุณภาพชีวิต 1.2 พันล้านบาท ขยายโครงการบรรเทาเลิกจ้างเพิ่มอีก 2 แสนคน ขณะที่สถานประกอบการยื่นขอเข้าร่วมโครงการ 198 แห่ง อุ้มลูกจ้างกว่า 1.3 แสนคน อยุธยามากสุด
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง โดยช่วยนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างรายละ 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ว่า ขณะนี้มีสถานประกอบการมายื่นคำร้องขอเข้าร่วมโครงการแล้ว 198 แห่ง ลูกจ้าง 132,022 คน แยกเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 81 แห่ง ลูกจ้าง 68,000 คน, จังหวัดปทุมธานี มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 58 แห่ง ลูกจ้าง 55,189 คน, จังหวัดนครปฐม มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 21 แห่ง ลูกจ้าง 5,297 คน และ กทม.และจังหวัดอื่นๆ มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 38 แห่ง ลูกจ้าง 3,536 คน
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบว่าเข้ากับหลักเกณฑ์ที่กระทรวงได้กำหนดไว้ ได้แก่ 1.สถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศว่าเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย 2.น้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า 7 วัน และ 3.ไม่ได้มีการประกอบกิจการไม่น้อยกว่า 1 เดือน ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวครอบคลุมไปถึงบริษัทรับเหมาช่วง (ซับคอนแทรค) รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย โดยจะต้องมีการหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินช่วยเหลือ
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2554 ที่ผ่านมา ตนได้เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต (กคช.) ที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นประธาน เพื่อขอขยายความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ในโครงการป้องกันและบรรเทาฯ เพิ่มอีก 200,000 คน ใช้งบประมาณ 1.2 พันล้านบาท คาดว่า จะมีการพิจารณาภายในสัปดาห์นี้
“เชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่า หากมีผู้ประกอบการยื่นคำร้องเกินกว่าเป้าหมาย คือ ช่วยเหลือบรรเทาเลิกจ้างแรงงาน 1 แสนคน ได้รับอนุมัติงบไปแล้วกว่า 606 ล้านบาท ก็สามารถของบสนับสนุนโครงการเพิ่มเติมได้” นพ.สมเกียรติ กล่าว
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน (รง.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง โดยช่วยนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างรายละ 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ว่า ขณะนี้มีสถานประกอบการมายื่นคำร้องขอเข้าร่วมโครงการแล้ว 198 แห่ง ลูกจ้าง 132,022 คน แยกเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 81 แห่ง ลูกจ้าง 68,000 คน, จังหวัดปทุมธานี มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 58 แห่ง ลูกจ้าง 55,189 คน, จังหวัดนครปฐม มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 21 แห่ง ลูกจ้าง 5,297 คน และ กทม.และจังหวัดอื่นๆ มีสถานประกอบการยื่นเข้าร่วม 38 แห่ง ลูกจ้าง 3,536 คน
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบว่าเข้ากับหลักเกณฑ์ที่กระทรวงได้กำหนดไว้ ได้แก่ 1.สถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการประกาศว่าเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย 2.น้ำท่วมขังไม่น้อยกว่า 7 วัน และ 3.ไม่ได้มีการประกอบกิจการไม่น้อยกว่า 1 เดือน ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวครอบคลุมไปถึงบริษัทรับเหมาช่วง (ซับคอนแทรค) รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย โดยจะต้องมีการหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินช่วยเหลือ
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2554 ที่ผ่านมา ตนได้เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต (กคช.) ที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นประธาน เพื่อขอขยายความช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ในโครงการป้องกันและบรรเทาฯ เพิ่มอีก 200,000 คน ใช้งบประมาณ 1.2 พันล้านบาท คาดว่า จะมีการพิจารณาภายในสัปดาห์นี้
“เชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่า หากมีผู้ประกอบการยื่นคำร้องเกินกว่าเป้าหมาย คือ ช่วยเหลือบรรเทาเลิกจ้างแรงงาน 1 แสนคน ได้รับอนุมัติงบไปแล้วกว่า 606 ล้านบาท ก็สามารถของบสนับสนุนโครงการเพิ่มเติมได้” นพ.สมเกียรติ กล่าว
