ผู้บริโภค แฉ! ศูนย์โมไบล์ อย.ปฏิเสธการรับตรวจผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เจ้าหน้าที่อ้าง งดบริการนานหลายเดือน เหตุถูกผู้ประกอบการจ่อฟ้องร้อง ด้านเลขาฯ อย.แจง แค่ข่าวลือ ย้ำ อย.ยังตรวจเช่นเดิม
วันนี้ (29 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้บริโภคนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไปส่งตรวจที่ศูนย์โมไบล์ ยูนิต (Mobile Unit) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่กลับถูกปฏิเสธไม่รับตรวจ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ทางศูนย์ฯ ไม่ได้ดำเนินการตรวจมาราว 3-4 เดือนแล้วทั้งแบบรับตรวจที่ศูนย์ฯ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการทำหน้าที่ของ อย.ในการรับร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา อาหาร และเครื่องสำอางหลายยี่ห้อซึ่งผู้บริโภคร้องเรียนมานั้น ประสบปัญหาในเรื่องการถูกจ่อฟ้องกลับจากผู้ประกอบการ ซึ่ง อย.ตรวจพบสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์ เช่น เสตียรอยด์ โดยผู้ประกอบการหลายหน่วยงานไม่ยอมรับในข้อผิดพลาดและอ้างว่า อย.ไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด ข้อมูลที่พบสารอันตรายจึงไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องดำเนินการฟ้องร้อง ด้วยเหตุดังกล่าวศูนย์ฯ จึงระงับบริการ จึงแนะนำว่าผู้บริโภคควรนำผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
จากกรณีดังกล่าว นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการ อย.กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นเพียงข่าวลือ เนื่องจาก อย.ยังคงให้บริการตามปกติ และกระจายการบริการตรวจไปยังท้องถิ่นให้มากที่สุด โดยยังใช้ชุดเทสต์คิต (Test kit ) ในตรวจสอบหาสารอันตรายเบื้องต้น คือ อาจระบุได้ว่า มีสารอันตราย หรือสารต้องห้าม แต่มีการระบุปริมาณ หรือข้อมูลอื่นๆ แบบละเอียดได้ เหมือนกับการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า อย.ไม่ได้เกรงกลัวต่อการฟ้องร้องของผู้ประกอบการและยังดำเนินการตรวจจับผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ผู้บริโภควางใจ ในการดำเนินงาน เนื่องจาก อย.ยังยึดหลักของความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก และหากพบผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่ามีอันตราย หรือผิดกฎหมายก็จะพยายามร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบสวนหาผลิตภัณฑ์ล็อตใหญ่ ซึ่งต้องใช้หลักฐานในปริมาณมากเพื่อเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายยา อาหาร เครื่องสำอางผิดกฎหมาย
“ปัญหา คือ บางครั้งการตรวจพบสารอันตรายเบื้องต้นของ อย.หลังจากได้รับการร้องจากผู้บริโภค นั้น อย.พบแค่ในตัวอย่างส่วนน้อย จึงอาจทำได้แค่แจ้งเตือนให้ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ยังคงติดตามหาแหล่งผลิตและจำหน่ายตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอาจดำเนินการล่าช้าไปบ้าง” นพ.พิพัฒน์กล่าว