อย.แจงเครื่องสำอางไม่มีใบจดแจ้งบนฉลาก14 ก.ย.นี้ ถือทำความผิด กฎหมาย เตือนผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษสูงสุด ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับ ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง “ฉลากของเครื่องสำอาง” ที่ลง ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 17 มี ค.2554 ว่า ประกาศดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.2554 เป็นต้นไป โดยรายละเอียดของประกาศฯ กำหนดให้เครื่องสำอางทุกชนิด ต้องมีเลขที่ใบจดแจ้งบนฉลากด้วย นอกเหนือจากเดิมที่มีเพียงชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง วิธีใช้เครื่องสำอาง ชื่อ และที่ตั้งของผู้ผลิต ชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า และชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือน ปีที่ผลิต เดือน ปีที่หมดอายุ และคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่ออนามัยของบุคคล (ถ้ามี)
ภญ.ศรีนวล กล่าวด้วยว่า เครื่องสำอางที่ผลิตก่อนวันที่ 14 ก.ย.ที่ยังวางขายอยู่หลังวันดังกล่าว ไม่ถือว่า ทำความผิด สามารถขายต่อไปได้ แต่หากผลิตหลังวันที่ 14 ก.ย.แต่ไม่มีเลขที่ใบจดแจ้ง ถือว่ามีความผิด ฐานแสดงฉลากเครื่องสำอางไม่ครบถ้วน ตามรูปแบบฉลากบังคับ มีความตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษสูงสุด ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน ภญ.ยุพา เตียงธวัช ผู้อำนวยการกลุ่มควบคุมเครื่องสำอาง อย. กล่าวว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การกำหนดเครื่องสำอางควบคุม กำหนดให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิดเป็นเครื่องสำอางควบคุม เพราะฉะนั้น เครื่องสำอางทุกชนิดจะต้องแสดงฉลากของเครื่องสำอาง และระบุเลขที่ใบจดแจ้ง ซึ่งเลขที่ใบจดแจ้ง คือ เลข 10 หลักที่ออกให้โดย อย.แต่ไม่ได้อยู่ในเครื่องหมาย อย.เป็นที่แสดงถึงจังหวัดที่ผลิต ประเภทของเครื่องสำอาง ปีที่จดแจ้งและเลขที่จดแจ้ง ซึ่งเลขที่ใบจดแจ้งนี้จะทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ ในการสื่อสารและสืบค้นจากฐานข้อมูล อย.ในกรณีที่ผู้บริโภคเกิดผลกระทบหรือปัญหาจะได้ตรวจสอบได้ง่าย
