เสนอลดเงินกู้ ดอกเบี้ย 0.1% ช่วยนายจ้างพัฒนาแรงงาน รับนโยบาย 300 บ. ยังไม่ผ่าน ด้านสภาหอการค้าขอฟรี เหตุเงินไม่เยอะ-กู้ยาก ปลัดแรงงานแจงฟรีไม่ได้ติดข้อ กม. ต้องเน้นประชาสัมพันธ์-ปรับหลักเกณฑ์ให้กู้ง่าย นักกม.ชี้ ควรเปิดช่องให้ผู้บริหารค้ำ เข้าถึงเงินกู้ได้อีกทาง-ป้องกันกองทุนล้ม ถกครั้งหน้า 17 พ.ย.นี้
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานการประชุม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมีข้อเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่องกำหนดวงเงินกู้ยืมและชำระเงินคืนกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งในที่ประชุมมีการขอลดเงินกู้จาก 3% ต่อปี เหลือ 0.1% โดยระยะเวลาในการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวให้มีระยะเวลา 1 ปี ว่า สิ่งที่นายจ้างต้องการหลังปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท คือ นายจ้างมีความสามารถในการจ่ายค่าจ้างหากแรงงานมีฝีมือ พร้อมทั้งอยากให้ทางภาครัฐมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือด้วย เช่น การลดเงินสมทบของประกันสังคม แม้ว่าจะลดไม่เยอะ แต่ก็เป็นผลทางจิตวิทยา ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็ต้องทำหน้าที่ในการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มากขึ้น แม้จะมีมาตรการในการลดภาษี 2 เท่าแล้ว ยังจะมีกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อช่วยในการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยไม่ต้องควักกระเป๋าของตัวเองไปก่อน แต่ก็อยากจะให้ดอกเบี้ยน้อยเท่าที่จะน้อยได้ โดยต้องถูกกว่าธนาคาร นี่คือจุดประสงค์ที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมา
นายพงษ์ศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ์ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลัวว่าการกู้ไปจะผิดวัตถุประสงค์ แทนที่จะเอาไปพัฒนาฝีมือแรงงาน แต่นำไปอุ้มกิจการของผู้ประกอบการ อีกทั้งเสนอให้การปล่อยเงินกู้จะต้องกระจายให้กู้เป็นรายจังหวัด
โดย นายสมเกียรติ กล่าวว่า กองทุนนี้เน้นการพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นหลัก โดยธนาคารจะวิเคราะห์การขอกู้เงิน ซึ่งจะต้องส่งแผนการฝึกพัฒนาฝีมือแรงงานประกอบการขอกู้ ซึ่งสถานประกอบการจะต้องมีลูกจ้าง 100 คนขึ้นไป แล้วอยากให้สัญญาผูกกับการนำไปคืนภาษี 2 เท่า ตามมาตรการเดิม โดยต้องเป็นปีต่อปี แล้วถ้ากู้ไปแล้ว หากยังเป็นหนี้อยู่จะไม่สามารถกู้ใหม่ได้ตามข้อบังคับ เพื่อเป็นการป้องกันการกู้เงินไปใช้ผิดหลักวัตถุประสงค์
ด้าน นางกมรวรรณ ดาวประกายมงคล สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ระบบการขอกู้ยุ่งยาก ไม่ทันการณ์ ในจำนวนเงินที่จะขออบรมอาจจะไม่มาก อยู่ที่หลักแสนไม่ถึงล้าน จึงอยากจะขอให้ภาครัฐพิจารณาเงินช่วยเหลือไปเลย
นายสมเกียรติ กล่าวถึงกรณีนี้ ว่า กองทุนนี้เป็นกองทุนหมุนเวียน การให้ขาดไปเลยอาจจะทำให้ผิดจากกฏหมายที่ได้ระบุไว้ เลยช่วยได้มากที่สุดในการให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ปัญหาที่ผ่านมาที่ไม่ค่อยสถานประกอบการขอกู้เพราะยังขาดในเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง
นายสุรพล พลอยสุข ผู้อำนวยการกลุ่มงานกฎหมาย กล่าวว่า ร่างระเบียบหลักเกณฑ์ให้กู้ยืมขณะนี้อยู่ที่การพิจารณาร่างกฏหมายของกระทรวง โดยให้มีหลักเกณฑ์ในการขอกู้ คือ หนังสือค้ำประกันจากธนาคาร หรือพันธบัตรรัฐบาล จึงอยากเสนอให้เพิ่มกรรมการบริหารหรือนิติบุคลของบริษัทเป็นผู้ค้ำประกันด้วย เพื่อป้องกันหนี้เสียที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของกองทุน และจะทำเข้าถึงเงินกู้ได้อีกทางหนึ่ง
ส่วน เรื่องลดเงินชำระคืนกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ ประสบปัญหาน้ำท่วมนั้นยังติดข้อกฎหมาย พ.ร.บ.พัฒนาฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ จะมีการประชุมในครั้งต่อไป วันที่ 17 พ.ย.นี้ เพื่อหาข้อสรุปต่อไป
