xs
xsm
sm
md
lg

ปลัดแรงงานเตรียมเสนอบอร์ดประกันสังคมปล่อยกู้หมื่นล้าน ช่วยเอสเอ็มอี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลัดแรงงานมั่นใจประชุมบอร์ดค่าจ้างกลาง 5 ต.ค.ได้ เคาะขึ้นค่าจ้างเพิ่ม 40% ทั่วประเทศลงตัว พร้อมแจงแรงงานจี้ขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวันพร้อมกันทั่วประเทศ 1 ม.ค.ปีหน้า เตรียมเสนอบอร์ดประกันสังคมขออนุมัติเงินกู้ 1 หมื่นล้าน-ลดเงินสมทบ 1.5% ช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ชวนร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนเข้าประกันสังคมให้มีสิทธิ์ยื่นกู้เงินได้

วันนี้ (4 ต.ค.) นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลางในวันที่ 5 ต.ค.นี้ คาดว่าน่าจะลงตัวในเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะปรับเพิ่มขึ้น 40% ในทุกจังหวัดจากอัตราค่าจ้างในปัจจุบันของแต่ละจังหวัดในวันที่ 1 ม.ค. 2555 เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้หารือกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาล นายจ้างและลูกจ้างต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้

“ส่วนกรณีที่องค์กรแรงงานจะไปยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 ต.ค.นี้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า ผมมั่นใจว่าสามารถชี้แจงทำความเข้าใจได้ว่า หากทำตามที่เรียกร้องแล้วจะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทุกคนคงฟังเหตุผล และภายใน 1 ปีในวันที่ 1 ม.ค.2556 แรงงานทั่วประเทศก็จะได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเหมือนกันหมดทั่วประเทศ”นพ.สมเกียรติกล่าว

ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวอีกว่า ส่วนการเตรียมมาตรการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทนั้น จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และกรมสรรพากร มีตัวเลขตรงกันว่าธุรกิจเอสเอ็มอีมีกว่า 3 แสนแห่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีประมาณ 6 หมื่นแห่งหรือคิดเป็น 20% ที่ต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานจะดำเนินการในเรื่องนี้ ขณะที่ตัวเลขของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มีธุรกิจเอสเอ็มอีกว่า 2 ล้านแห่ง ดังนั้น กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือถึงมาตรการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีกลุ่มนี้ โดยจะปล่อยกู้เงินกองทุนของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่มีอยู่แล้ว 2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงแรงงานยังได้เตรียมจัดตั้งโครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำขึ้นมาช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีดังกล่าวโดยจะเสนอขออนุมัติงบลงทุนเพื่อสังคมวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจากคณะกรรมการประกันสังคม (สปส.) เพื่อปล่อยกู้แก่สถานประกอบการผ่านธนาคารพาณิชย์ โดย สปส.ขอดอกเบี้ยจากธนาคาร 1% และธนาคารเอาไปปล่อยกู้ต่อในอัตราดอกเบี้ย 2.5%

นพ.สมเกียรติกล่าวด้วยว่า โครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่จะเสนอขออนุมัติงบลงทุนเพื่อสังคมวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจากบอร์ด สปส.นั้น จะนำมาช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีที่อยู่ในระบบประกันสังคมซึ่งมีอยู่กว่า 3 แสนแห่งที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท จึงอยากให้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมและไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพากร เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ข้างถนน ซึ่งแม้มีลูกจ้างแค่ 1 คนก็สามารถมาสมัครเข้ากองทุนประกันสังคมได้ ซึ่งจะทำให้สามารถมายื่นกู้เงินจากโครงการนี้ได้ ส่วนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมก็ไปขอกู้เงินจากกองทุนของ บสย. ซึ่งการให้ความช่วยเหลือจะเป็นไปตามความต้องการของธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น เสริมสภาพคล่องทางการเงิน ปรับปรุงเครื่องจักร พัฒนาฝีมือแรงงาน

“จะจัดทำร่างเกณฑ์ปล่อยกู้เงินเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีทั้งโครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของกระทรวงแรงงานเช่น ห้ามเลิกจ้าง มีแผนแก้ปัญหาผลกระทบที่ชัดเจน มีการรายงานสถานภาพทางการเงินทั้งรายรับ-รายจ่ายโดยละเอียด และการปล่อยกู้ของ บสย.โดยจะให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้” ปลัดแรงงานกล่าว

นพ.สมเกียรติกล่าวต่อไปว่า จะเสนอให้ลดเงินสมทบประกันสังคมเพื่อลดภาระแก่นายจ้างเนื่องจากเมื่อมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอีก 40% จะทำให้นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันฝ่ายรัฐบาลจ่ายอยู่ที่ 2.75% และฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างจ่ายอยู่ที่ฝ่ายละ 5% ของค่าจ้างโดยเสนอให้ลดเงินสมทบฝ่ายละ 1.5% ใน 4 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร และเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม จะเสนอให้รัฐบาลนำเงินสมทบในส่วนที่ลดลง 1.5% ไปเติมไว้ในส่วนของกรณีว่างงานและเงินออมชราภาพเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐบาล ซึ่งเป็นมาตรการนี้เป็นมาตรการชั่วคราวในระยะ 1-2 ปีเท่านั้น โดยจะเสนอต่อบอร์ด สปส.เพื่อขอความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อออกพระราชกฤษฎีการองรับ ซึ่งไม่มีต้องเสนอขอแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคมเพราะในกฎหมายประกันสังคมกำหนดเรื่องนี้ไว้แล้ว

“คาดว่าจะเสนอขออนุมัติงบลงทุนเพื่อสังคมและการลดเงินสมทบต่อบอร์ดประกันสังคมภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ในการประชุมบอร์ด สปส.ในวันที่ 11 ต.ค.นี้คงเสนอไม่ทัน” นพ.สมเกียรติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น