ชาว กศน.รวมพลพบ “วรวัจน์” ขอให้ยืนมติเดิมตั้ง “ประเสริฐ” ขึ้นซี 11 เลขาธิการ กอศ.ระบุเป็นบุคคลมีความสามารถพัฒนาอาชีวะได้ ขณะที่ ภาคีเครือข่ายต้านทุจริตฯ จี้โยก “ศศิธารา” ไปแขวนที่หน่วยงานนอก ศธ. ด้าน รมว.ศึกษาฯ เตรียมเสนอโยกย้ายเข้า ครม.พรุ่งนี้ 4 ต.ค. โบ้ยให้ ครม.ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายนิโอ๊ะ นิมุ ผู้อำนวยการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จ.ภูเก็ต เป็นตัวแทนนำคณะครูและเจ้าหน้าที่ กศน.ทั่วประเทศ ประมาณ 30 คน เดินทางเข้าพบ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอให้ รมว.ศึกษาธิการ ยืนยันแต่งตั้ง นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. ระดับ 10 ขึ้นเป็น เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ระดับ 11 ตามมติ ครม.วันที่ 27 ต.ค.ดังเดิม โดยให้เหตุผลว่า นายประเสริฐมีความรู้ความสามารถที่จะสามารถสร้างและผลักดันให้งานของอาชีวศึกษาได้เป็นอย่างดี ซี่งทางข้าราชการ กศน.เองก็รู้สึกดีใจและถือเป็นความก้าวหน้าของข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้น
ขณะที่วันเดียวกัน ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) นำโดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการ ภตช พร้อมด้วย นายธีรพัฒน์ คำคูบอน รองประธานสมาพันธ์เครือข่ายอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมยื่นแถลงการณ์เรียกร้องให้ นายวรวัจน์ ดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.พิจารณาย้าย น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ไปช่วยราชการที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เพื่อชดเชยความผิดที่ได้กระทำต่อระบบการศึกษาของชาติ และ 2.ขอให้สั่งระงับการเซ็นต์สัญญาดำเนินงานจัดซื้อครุภัณฑ์ วงเงิน 884 ล้านบาท เนื่องจากทาง ภตช ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว น.ส.ศศิธารา และอดีต รมช.ศึกษาธิการ มีพฤติกรรมส่อกระทำการทุจริต อีกทั้ง น.ส.ศศิธารา มีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่เห็นด้วยออกนอกพื้นที่ สร้างความแตกแยกให้กับสังคม สอศ.ใหญ่หลวง อย่างไรก็ตาม ขอให้พิจารณาโยกย้าย น.ส.ศศิธารา ไปประจำที่หน่วยงานภายนอกกระทรวง
ด้านนายวรวัจน์ กล่าวว่า ศธ.จะเสนอรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้ (4 ต.ค.)และจะถือให้เป็นการตัดสินใจของ ครม. ดังนั้นจึงอยากขอร้องทุกฝ่ายอย่าเพิ่งออกมาพูดอะไร รอเวลาอีก 1 วันเท่านั้นก็จะรู้ผล อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ กศน.นั้นได้คุยกับ นายประเสริฐ แล้วว่าต่อไป กศน.ต้องปรับรูปแบบการบริหารงานใหม่ เป็นการปรับโฉมใหม่ โดย กศน.จะไม่ใช่การเรียนนอกระบบเหมือนที่ใคร ๆ มองแต่จะเอาความคล่องตัวในการจัดการศึกษาซึ่งเป็นจุดเด่นของ กศน.มาตอบสนอง นโยบายการศึกษาเพื่ออาชีพ จัดการศึกษาเพื่อให้คนมีงานทำและจะขยายกลุ่มเป้าหมายของ กศน.ให้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มเยาวชนแรงงานเท่านั้นแต่กศน.ต้องเข้าไปจัดการศึกษาให้กลุ่มโอทอป และกลุ่ม SMEs โดยจะมีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยจัดการศึกษาของ กศน.
ส่วนที่หลายฝ่ายกดดันให้ย้าย น.ส.ศศิธารา ไปแขวนสำนักนายกฯ นั้น จริงๆ แล้วการดำเนินการใดๆ ในปัจจุบันต้องตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล หลักฐานที่มีอยู่ กรณี น.ส.ศศิธารา ที่มีข่าวว่าคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (บอร์ด กอศ.) ยื่นฟ้องศาลปกครองนั้นยังไม่มีหลักฐานออกมายืนยันชัดเจน เพราะฉะนั้น ถ้าตัดสินใจไปตามกระแสภายนอกจะถือว่าไม่เป็นธรรมกับข้าราชการ เป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวแก่ข้าราชการแต่ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่เมื่อยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ออกมาก็ต้องทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ส่วนเรื่องการขอข้อมูลจากศาลปกครองเพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นไม่สามารถดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายนิโอ๊ะ นิมุ ผู้อำนวยการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จ.ภูเก็ต เป็นตัวแทนนำคณะครูและเจ้าหน้าที่ กศน.ทั่วประเทศ ประมาณ 30 คน เดินทางเข้าพบ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอให้ รมว.ศึกษาธิการ ยืนยันแต่งตั้ง นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. ระดับ 10 ขึ้นเป็น เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ระดับ 11 ตามมติ ครม.วันที่ 27 ต.ค.ดังเดิม โดยให้เหตุผลว่า นายประเสริฐมีความรู้ความสามารถที่จะสามารถสร้างและผลักดันให้งานของอาชีวศึกษาได้เป็นอย่างดี ซี่งทางข้าราชการ กศน.เองก็รู้สึกดีใจและถือเป็นความก้าวหน้าของข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้น
ขณะที่วันเดียวกัน ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) นำโดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการ ภตช พร้อมด้วย นายธีรพัฒน์ คำคูบอน รองประธานสมาพันธ์เครือข่ายอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมยื่นแถลงการณ์เรียกร้องให้ นายวรวัจน์ ดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.พิจารณาย้าย น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) ไปช่วยราชการที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เพื่อชดเชยความผิดที่ได้กระทำต่อระบบการศึกษาของชาติ และ 2.ขอให้สั่งระงับการเซ็นต์สัญญาดำเนินงานจัดซื้อครุภัณฑ์ วงเงิน 884 ล้านบาท เนื่องจากทาง ภตช ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว น.ส.ศศิธารา และอดีต รมช.ศึกษาธิการ มีพฤติกรรมส่อกระทำการทุจริต อีกทั้ง น.ส.ศศิธารา มีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ไม่เห็นด้วยออกนอกพื้นที่ สร้างความแตกแยกให้กับสังคม สอศ.ใหญ่หลวง อย่างไรก็ตาม ขอให้พิจารณาโยกย้าย น.ส.ศศิธารา ไปประจำที่หน่วยงานภายนอกกระทรวง
ด้านนายวรวัจน์ กล่าวว่า ศธ.จะเสนอรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้ (4 ต.ค.)และจะถือให้เป็นการตัดสินใจของ ครม. ดังนั้นจึงอยากขอร้องทุกฝ่ายอย่าเพิ่งออกมาพูดอะไร รอเวลาอีก 1 วันเท่านั้นก็จะรู้ผล อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ กศน.นั้นได้คุยกับ นายประเสริฐ แล้วว่าต่อไป กศน.ต้องปรับรูปแบบการบริหารงานใหม่ เป็นการปรับโฉมใหม่ โดย กศน.จะไม่ใช่การเรียนนอกระบบเหมือนที่ใคร ๆ มองแต่จะเอาความคล่องตัวในการจัดการศึกษาซึ่งเป็นจุดเด่นของ กศน.มาตอบสนอง นโยบายการศึกษาเพื่ออาชีพ จัดการศึกษาเพื่อให้คนมีงานทำและจะขยายกลุ่มเป้าหมายของ กศน.ให้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มเยาวชนแรงงานเท่านั้นแต่กศน.ต้องเข้าไปจัดการศึกษาให้กลุ่มโอทอป และกลุ่ม SMEs โดยจะมีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยจัดการศึกษาของ กศน.
ส่วนที่หลายฝ่ายกดดันให้ย้าย น.ส.ศศิธารา ไปแขวนสำนักนายกฯ นั้น จริงๆ แล้วการดำเนินการใดๆ ในปัจจุบันต้องตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล หลักฐานที่มีอยู่ กรณี น.ส.ศศิธารา ที่มีข่าวว่าคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (บอร์ด กอศ.) ยื่นฟ้องศาลปกครองนั้นยังไม่มีหลักฐานออกมายืนยันชัดเจน เพราะฉะนั้น ถ้าตัดสินใจไปตามกระแสภายนอกจะถือว่าไม่เป็นธรรมกับข้าราชการ เป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวแก่ข้าราชการแต่ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่เมื่อยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ออกมาก็ต้องทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ส่วนเรื่องการขอข้อมูลจากศาลปกครองเพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นไม่สามารถดำเนินการได้