xs
xsm
sm
md
lg

เงาอุบาทว์พิฆาตสันติสุขของคนไทย

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงนโยบายไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรใหม่ เป็นภาพลวงตาที่ถูกนักวาดภาพจินตรัฐ สร้างบรรจงแต่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์แถลง ไม่ต่างกับครั้งที่ทักษิณแถลงนโยบายรัฐครั้งแรกในปี พ.ศ. 2544 ที่เน้นในเรื่องการปราบทุจริตคอร์รัปชันในทุกวงการ การปราบยาเสพติด และการยกฐานะประชาชน โดยมีรายละเอียดต่างๆ แต่ทุกอย่างล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องการปราบทุจริตคอร์รัปชันนั้น ปรากฏขึ้นเมื่อทักษิณสั่งการให้ยุติการขุดคุ้ยการทุจริตซื้อที่ดินโครงการบำบัดน้ำเสียของนายวัฒนา อัศวเหม เมื่อ พ.ศ. 2545 ขณะที่หลายฝ่ายรับหลักการจากการแถลงนโยบายทั้งนอกสภาและในสภาของทักษิณ ขบวนการ NGO ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

หน่วยงานของรัฐและคณะทำงานของกลุ่มนายพล 53 คนที่บ้านพิษณุโลก ภายใต้การนำของ พล.อ.ดร.ชัยศึก เกตุทัต งงงวยมากกับการถอนคำพูดของเขา ที่สั่งการไว้ในตอนแรกว่าจัดการอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว และไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น แต่มากลับลำเมื่อหลายส่วนงานประสานข้อมูลประมวลแล้วนายวัฒนามีความผิดแต่หลุดเพราะขายพรรคการเมืองให้ทักษิณ จนในที่สุดภายใต้รัฐบาลใหม่ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ และพบว่านายวัฒนา มีความผิดตามหลักฐานชัดเจน แต่นกรู้อย่างนายวัฒนา ไม่ยอมติดคุก เลยเผ่นหนีไปก่อนด้วยพลังลับทั้งหลายเหนือตาสีตาสาทั่วๆ ไป ซึ่งหากผิดถูกพิพากษาอย่างไรก็รับกรรมในคุก

การปราบปรามยาเสพติดช่วงแรกดูเหมือนดี แต่ต่อมากลายเป็นเรื่องของการฆ่าตัดตอน เพื่อมิให้มีการโยงถึง “ขาใหญ่ตัวจริง” และหลายกรณีเชื่อมโยงถึงตำรวจ ทำให้มีการสังหารคนในวงการ 2,500 คน โดยไม่มีการรายงานรายละเอียดของการวิสามัญฆาตกรรม หรือการสังหารกันเองจนเป็นเรื่องระดับโลก

การยกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยสิทธิประชานิยม และการลองส่งให้คนไทยใช้เงินในอนาคต เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเอื้ออำนวยนายทุนเล่นหุ้นทั้งหลาย ที่เครือข่ายการผลิตสินค้าบริโภคเชื่อมโยงกัน ทั้งที่ผลิตภายในประเทศ และผลิตภายนอกประเทศ จึงพบว่าประชาชนเป็นหนี้มาก ทำให้กลุ่มที่เชื่อในอุดมการณ์ เช่น สายกลางออกมารณรงค์ให้นำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ ขัดแย้งกับกลุ่มนายทุนสามานย์ที่สามารถตักตวงรายได้แบบได้เปล่าจากการปั่นหุ้น

ความเชื่อมโยงของตลาดหุ้นคึกคัก เพราะทุกอย่างมาจบลงที่พลังงาน และ ปตท.อันเป็นรัฐวิสาหกิจที่หลายคนในรัฐบาลทักษิณได้ประโยชน์จากที่แปรรูป คือ หุ้นของผู้มีพระคุณ ซึ่งกระจายอยู่ในหมู่นักลงทุนธุรกิจการเมือง เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และเป็นอดีตรัฐมนตรีอุตสาหกรรม และคมนาคม ซึ่งตักตวงจากดอกผลและลูกหุ้นของรัฐวิสาหกิจในอาณัติของกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนาคม

การละลายเงินภาษีรัฐที่มาจากประชาชนสู่ชนบทเฉพาะกลุ่มฐานการเมืองท้องถิ่น ดูเหมือนจะดี แต่มันเป็นเรื่อง “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ทุกคนในหมู่บ้านในอุตสาหกรรม “หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล” จะได้อานิสงส์โดยโดยทั่วหน้า แต่เงื่อนไขแฝงซึ่งสัมฤทธิ์ให้เห็นในกรณีคนเสื้อแดงภูธรออกมาร่วมการล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และสร้างเงื่อนไขต่อต้านสถาบัน และระบอบอำมาตย์ ที่แกนนำอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปลุกระดมเพียงประการเดียว

แผนอุบาทว์ที่ดำเนินการควบคู่ไปกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลน้องสาวทักษิณ ที่เป็นฉากละครใหญ่ที่มีการสร้างบทที่เลิศล้ำ และอุบาทว์นี้เป็นเงาพิฆาตความผาสุกของคนไทย

การที่มีการสร้างฉากข่าวการพบศพ 169 ศพ ที่จังหวัดระยอง โดยมีบัตรสนเท่ห์ส่งถึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งสองจึงสั่งให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการสำนักกฎหมายและคดี เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่พบซากศพ ที่ อ.ห้วยยาง, อ.แกลง จ.ระยอง พล.ต.ท.สัณฐาน รายงานว่า ได้พบมีการนำศพมาฝังเป็นจำนวนมากบริเวณรอบวัดคลองตากวา ซึ่งพระอธิการวิรัตน์ อติวีโร เจ้าอาวาส ชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่สมาคมพุทธศาสตร์สังเคราะห์ อ.แกลง นำศพมาจากจังหวัดชุมพร เพื่อนำมาฝังไว้ที่นี่ โดยใช้รถเทลเลอร์ 18 ล้อขนมา และขุดด้วยรถขุดดินแบคโฮ

ขณะที่ พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่าต้องตรวจสอบโดยละเอียด เพราะไม่มีหลักฐานแสดงความถูกต้องทางกฎหมาย เช่น มรณบัตร และรายงานการเสียชีวิต

ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ออกมารายงานได้ตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการเคลื่อนย้ายศพไม่มีญาติจาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยสมาคมพุทธประชัย หลังสวน จำนวน 165 ศพ จากหลายแหล่งในห้วงระยะ พ.ศ. 2541 – 2550 และนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวภายหลังจากการประชุมให้กำลังใจสมาชิกสมาคมพุทธศาสตร์สงเคราะห์แกลง จ.ระยอง ว่า “ขบวนการขนศพนั้นถูกต้องชัดเจน โปร่งใส และชี้แจงรายละเอียดได้ และไม่ส่งผลกระทบต่องานบุญล้างป่าช้าของสมาคม”

งานนี้นายระพินทร์ พรานนท์สถิตย์ แกนนำเสื้อแดงระยอง แสดงภาวะผู้นำ โดยเข้าร่วมกับ พล.ต.ท.สัณฐาน แต่เรื่องกลับโอละพ่อ ซึ่ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถึงกับออกปากต่อว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ว่า “อ้างชื่อเขาทำไม” และเสื้อแดงอย่างธิดา ถาวรเศรษฐ ก็เล่นละครตามด้วยการขยายผลสร้างกระแสให้เหมือนจริงว่า “เป็นศพคนเสื้อแดง” และนายเหวง โตจิราการ สามีก็สวมบทนายหน้าสร้างบทอุบาทว์ จี้รัฐบาลโดยตรงกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งยินดีต่อข่าวเช่นนี้อยู่แล้ว ให้จัดการเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของชาติ

เมื่อเรื่องนี้ถูกพบว่าถูกกุขึ้นมา ทำไมรัฐบาลไม่ออกมาชี้แจงเป็นทางการ เพราะว่าข่าวบิดเบือนย่อมสร้างความเสียหายตั้งแต่ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับสมาคมผู้บำเพ็ญกุศล รวมทั้งหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องที่ไม่ได้จัดการสยบข่าวนี้อย่างทันทีทันใด เหมือนกับว่า “เป็นเรื่องเล็กๆ” ผลเสียหายเป็นกระแสกระทบกับระบอบการเมือง วัฒนธรรมระดับสากล และความเป็นอยู่พื้นฐานของคนระยองเอง

การเดินทางไปปาฐกถาของทักษิณที่ญี่ปุ่นนั้น ก็เป็นการสร้างฉากให้กับตัวเอง เพราะผู้เชิญเป็นนายมิชิโนะ คิโยชิ ประธานสถาบันเศรษฐกิจและวัฒนธรรมญี่ปุ่น จีน และอาเซียน ที่สมยอมกับบทบาทผู้ประสานผลประโยชน์ เชิญทักษิณให้ไปแสดงจุดยืนของตนเอง

แต่สถานะของทักษิณเป็นพี่ชายของนางสาวยิ่งลักษณ์นายกรัฐมนตรีไทย ทำให้การปาฐกถาของทักษิณศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของนักธุรกิจญี่ปุ่นที่หวังแสวงโชคจากการนี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะว่านายมิชิโนะ คิโยชิ ประธานสถาบัน สามารถประสานตรงกับผู้มีอำนาจรัฐ หรือตรงกับนางสาวยิ่งลักษณ์ แสดงถึงความชื่นชอบ ศรัทธา และเชื่อมั่นในตัวทักษิณ ของกลุ่มนักธุรกิจที่ไปร่วมชุมนุมกันที่สโมสรนักศึกษา

ทักษิณสร้างจุดยืนให้กับตัวเอง ด้วยการ “ยกตัวข่มท่าน” ว่าฉันคือพี่ชายของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศ หรือนัยว่าฉันมีอำนาจพลังลับที่ยิ่งใหญ่ ฉันถูกใส่ร้ายเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ประเทศฉันต้องมีประชาธิปไตย นิติธรรม เสรีภาพในการแสดงออก และเศรษฐกิจดี

ทักษิณพูดถึงนิติธรรมหรือ Rule of Laws แต่ต่างกับ Ruled by Laws หรือปกครองโดยกฎหมาย

ผมว่านักกฎหมายจะต้องตีความวลีสองวลีนี้ให้ชัดเจนด้วย เพราะว่าผู้คนจะสับสน แต่ทั่วโลกนั้นปกครองด้วยกฎหมาย Ruled by Laws และเป็นมติรัฐ เช่น ในออสเตรเลีย ทุกอย่างอยู่ในกรอบกฎหมายทั้งสิ้น หรือในสหรัฐฯ บางรัฐทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายแม้กระทั่งการร่วมรัก

ขอให้พิจารณาเมื่อช่วงทักษิณครองอำนาจรัฐนั้นมีการออกกฎหมายที่หลายฉบับออกมาก็เพื่อให้ผลประโยชน์กับทักษิณและพวก เช่น กฎหมายภาษีหุ้นในคดีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ถูกศาลอุทธรณ์คดีอาญาจำคุกนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 2 ปี รอลงอาญา 1 ปีแม้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาทักษิณนั้นศาลยกฟ้องแต่ยังมีศาลฎีกาอีก ขอให้คนไทยได้ตรวจสอบดู อย่าเพิ่งด่วนสรุป ทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ด้วยเหตุผล หลักฐาน ข้อเท็จจริง บ้านเมืองจึงจะสงบสุข
กำลังโหลดความคิดเห็น