นายจ้างเสนอ แยกเงินมาตรการลดภาษีเอสเอ็มอี 7% เข้ากองทุนช่วยเหลือ 5% ส่วนอีก 2% ลดหย่อนให้ผู้ประกอบการ เผยพร้อมจัดเวทีร่วมถกลูกจ้าง-นายจ้าง ก่อนร่วมกลุ่มแรงงานเข้าพบ “ยิ่งลักษณ์” 7 ก.ย.นี้ ส่วน คสรท.ย้ำหากไม่ปรับ ม.ค.55 คงต้องฟ้อง ด้าน “เผดิมชัย” ไม่สนกลุ่มแรงงาน ลั่น จะฟ้องก็ฟ้องไป
วันนี้ (6 ก.ย.) นายทวี เตชะธีราวัฒน์ ประธานสภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย และคณะทำงานการแรงงานและสวัสดิการสังคม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการสัมมนาเรื่อง คิดอย่างไรกับรายได้ 300 บาทต่อวัน ซึ่งจัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีตัวแทนทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมสัมมนาดังกล่าวได้ข้อสรุปว่า ฝ่ายลูกจ้างยังยืนยันข้อเสนอที่จะให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300บาทต่อวันพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า เพราะรัฐบาลได้ประกาศนโยบายหาเสียงไว้แล้ว
ขณะที่ฝ่ายนายจ้างเป็นห่วงผลกระทบต่อต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงเสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุนช่วยเหลือธุรกิจกลุ่มนี้ โดยการนำเงินที่จะลดหย่อนภาษีนิติบุคคลให้แก่สถานประกอบการตามนโยบายรัฐจาก 30% เหลือ 23% ในปีหน้า โดยหักเอาไว้ 5% คิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้าน เพื่อนำมาตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ส่วนที่เหลืออีก 2% หรือคิดเป็น 2 หมื่นล้านบาท เป็นส่วนที่ใช้ลดหย่อนภาษีให้กับสถานประกอบการ
“ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ผมและกลุ่ม คสรท.จะไปขอเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความชัดเจนนโยบายขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ขณะนี้ฝ่ายลูกจ้างอยู่ระหว่างประสานงานกับฝ่ายนายจ้างเพื่อเปิดเวทีหารือร่วมกัน 2 ฝ่ายในการหามาตรการผลักดันและรับมือผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้ ได้วันละ 300 บาท โดยจะนำข้อสรุปทั้งหมดไปเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอการสนับสนุนให้นโยบายนี้ปฏิบัติได้จริงทันวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ที่สำคัญ ขอย้ำว่า ต้องทำพร้อมกันทั่วประเทศด้วย เชื่อว่า การดำเนินการเช่นนี้จะเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย” นายทวี กล่าว
นายชาลี ลอยสูง ประธาน คสรท.กล่าวว่า ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ คสรท.จะร่วมกับองค์กรแรงงานจัดกิจกรรมรณรงค์เรียกร้องค่าตอบแทนที่เป็นธรรม จึงจะใช้โอกาสนี้เข้าไปทวงถามนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ส่วนการล่ารายชื่อแรงงาน 5 ล้านรายชื่อ เพื่อฟ้องศาลปกครองนั้น จะมีทั้งสภาแรงงาน รัฐวิสาหกิจและแรงงานนอกระบบ รวมถึงภาคราชการที่ประกอบด้วยลูกจ้างชั่วคราว และแรงงานรับเหมาช่วง รวมถึงแรงงานกลุ่มอื่นๆ ก็มาร่วมได้
“การล่ารายชื่อเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะทำหากไม่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในเดือนมกราคมปีหน้าเพราะกลุ่มแรงงานก็ไม่อยากทะเลาะกับรัฐบาลแต่จำเป็นจะต้องทำใน สิ่งที่ต้องทำ ส่วนการเปิดเวทีคุยกันก่อนระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้างก็เห็นด้วยเพราะสุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายก็ต้องหารือกันซึ่ง ขึ้นอยู่กับรัฐบาลด้วยว่าจะเป็นคนกลางมาช่วยแก้ปัญหาหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เคยมาขอความคิดเห็นและให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำเรื่องนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทให้ได้” ประธาน คสรท.กล่าว
ด้านนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) กล่าวว่า กลุ่มแรงงานจะฟ้องก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิที่ทำได้อยู่แล้วก็ปล่อยไป ไม่จำเป็นต้องเชิญผู้นำแรงงานมาพูดคุยอีกแล้ว เรื่องนี้เป็นนโยบายรัฐบาลที่จะทำในสิ่งที่ดีงามให้แก่พวกเขา พวกเขาสิควรที่จะคิดที่จะทำอะไรที่ดีบ้างตอบแทน ไม่ใช่มาทำวิธีอย่างนี้
ส่วนนายพนรัญชน์ กลีบไธสง ประธานสหภาพแรงงานซันโคโกเซ จ.ระยอง กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทให้แก่แรงงานทุกจังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคมปี 2555 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่แรงงานทุกคน เนื่องจากทุกวันนี้แรงงานมีรายได้เดือนละ 5,600 บาท จะต้องทำโอที จึงมีรายได้เพียงพอค่าใช้จ่ายซึ่งอยู่ที่ประมาณเดือนละ 1 หมื่นบาท
“ตอนนี้ข้าวของมีราคาแพงขึ้น เช่น ข้าวกล่องเดิมขายกล่องละ 25 บาท ตอนนี้ปรับเป็นกล่องละ 30-35 บาทแล้ว รวมถึงเนื้อหมู น้ำมันพืช ข้าว และสบู่ ยาสีฟัน ซึ่งเป็นของที่แรงงานต้องกินต้องใช้อยู่ทุกวัน จึงอยากให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและสนับสนุนสวัสดิการแรงงาน เช่น ค่าเช่าบ้าน โดยใช้มาตรการภาษีช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการด้วย” นายพนรัญชน์ กล่าว