ก.แรงงาน เตรียมพร้อมตั้งร่าง 10 นโยบายด้านแรงงาน รับการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ เดินหน้า “แรงงานไทยมั่นคงทางรายได้ควบคู่ทักษะฝีมือที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการมีผลิตภาพแรงงานสูงขึ้น” สอดรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยว่า ช่วงการปรับเปลี่ยนการบริหารราชการของประเทศย่อมต้องมีนโยบายที่เกี่ยวโยงถึงงานด้านแรงงานอย่างแน่นอนและกระแสหนึ่งที่กำลังมาแรงในเชิงนโยบายคือ “นโยบายค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท” ซึ่งสัมพันธ์กับภารกิจสำคัญของกระทรวงซึงเป็นหน่วยงานที่มีความเชื่อมโยงกับระบบ เศรษฐกิจของประเทศ ทำงานเกี่ยวโยงกับนายจ้าง สถานประกอบการ ผู้ใช้แรงงาน คนที่กำลังหางานทำทั้งในและต่างประเทศ ผู้ว่างงาน และขยายสู่แรงงานที่อยู่นอกระบบ กระทรวงแรงงานจึงจัดเตรียม 10 นโยบายด้านแรงงานเชิงรุก
นโยบายสำคัญหลัก ได้แก่ นโยบายเรื่อง “ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท” มุ่งยกระดับรายได้ของแรงงานให้ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน โดยเน้นเรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน ซึ่งกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญในเรื่องค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือและประกาศใน 11 อาชีพแรกแล้วตั้งแต่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา และในเดือนตุลาคมนี้จะประกาศใช้อีก 11 สาขาอาชีพต่อไป ถือเป็นก้าวย่างที่มั่งคงของแรงงานไทยที่จะได้รับค่าตอบแทนรายได้ที่สอดรับกับมาตรฐานฝีมือ สำหรับด้านผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs ซึ่ง เป็นกลุ่มผู้ประกอบการลำดับต้นที่กระแสสังคมมีความห่วงใยว่าจะได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ จะต้องมีมาตรการเพื่อลดภาระแก่ผู้ประกอบการโดยจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ ด้านผู้ประกอบการทั่วไปต้องใช้มาตรการทางภาษีเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ ตัวเลขเบื้องต้นส่วนสถานประกอบการที่มีลูกจ้างต่ำกว่า 50 คน ที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นนายจ้างประมาณ 3.39 แสนคน “แรงงานไทยได้รับค่าจ้างตามมาตรฐาน ส่งเสริมให้มีทักษะฝีมือแรงานที่สูงขึ้น ย่อมส่งให้นายจ้าง-สถานประกอบการมีทรัพยากรคนที่มีศักยภาพ ส่งผลต่อผลิตภาพแรงงานที่สูงขึ้นในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”
นโยบายเรื่อง “การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานของและอุตสาหกรรมหลัก” เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขเพื่อไปสู่การสร้างตำแหน่งงาน จ้างงานที่เพิ่มขึ้น การ
จ้างงานในแต่ละพื้นที่ กระทรวงได้วางยุทธศาสตร์ไว้ 2 ด้าน ยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มกำลังแรงงานในเชิงปริมาณและคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงาน ทั้งในส่วนของผู้จบการศึกษาใหม่และผู้ว่างงาน ผู้ที่ทำงานไม่เต็มศักยภาพ ตลอดจนผู้พิการและผู้สูงอายุ รวมทั้งการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเท่าที่จำเป็น และยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มผลิตภาพแรงงานโดยการเพิ่มทักษะฝีมือและส่งเสริมทัศนคติและพฤติกรรมที่เหมาะสม สนับสนุนให้สถานประกอบการนำเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ ตลอดจนเน้นการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ และขณะนี้กระทรวงแรงงานกำลังเร่งจัดทำฐานข้อมูลกำลังแรงงาน “Labour Bank” ที่จะสามารถเชื่อมโยงความต้องการจ้างงานและกำลังคนในวัยแรงงานด้วย
นโยบายเเร่งส่งเสริมการฝึกทักษะพัฒนาอาชีพสำหรับแรงงาน เร่งรัดจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ มีมาตรการเชิงรุกเพื่อร่วมกับสถานประกอบการในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ตาม พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2555 ที่จะมีหลักสูตรที่สถานประกอบการสามารถนำไปฝึกอบรมพัฒนาฝีมือเป็นการ “เพิ่มผลิตภาพแรงงานของตนให้สูงขึ้น” ประกอบกับการเตรียมเข้าสู่การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2558 คือ การจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานกลางอาเซียนด้วย เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของแรงงานไทยในตลาดแรงงานระดับภูมิภาค ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนในเวทีเศรษฐกิจโลก
นโยบายด้านการส่งเสริมแรงงานที่มีทักษะฝีมือออกไปสู่ภาคบริการต่างๆ ภายนอกประเทศ เน้นการขยายตลาดแรงงานทักษะฝีมือไปทำงานต่างประเทศให้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ การพัฒนามาตรฐานคุณภาพแรงงานไทยทั้ง “ทักษะฝีมือ” “ภาษา” และพื้นฐานความรู้การปรับตัวในการทำงานและการใช้ชีวิตในต่างแดน การคุ้มครองสิทธิประโยชน์แรงงานไทยในต่างประเทศ รวมทั้งยังคงรักษาฐานตลาดของแรงงานไร้ฝีมือที่มีอยู่ในต่างประเทศ
นโยบายการจัดระบบสวัสดิการสังคม ปรับปรุงเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคมให้มากขึ้นและครอบคลุมกฎหมายประกันสังคม ผู้ประกันตนจะสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทุกโรงพยาบาล และขยายสิทธิการประกันสังคมกรณีว่างงานเป็นการประกันการมีงานทำ การขยายความคุ้มครองประกันสังคมตามมาตรา 40 ส่งเสริมสถานประกอบการจัดสวัสดิการเพิ่มเติมจากที่กฎหมายกำหนดโดยใช้มาตรการจูงใจทางด้านภาษี
นโยบายการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว พัฒนาระบบการขออนุญาตทำงานให้มีความสะดวก รวดเร็ว และถูกต้องยิ่งขึ้น รวม ทั้งควบคุมการใช้แรงงานต่างด้าวให้ใช้เฉพาะแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายตามสาขา อาชีพที่จำเป็น รวมทั้งคุ้มครองแรงงานต่างด้าวตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องควบคู่กับ
นโยบายการจัดระเบียบและขอบเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านแรงงาน โดยสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อป้องปรามการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นโยบายการสร้างความสามัคคีปรองดอง เน้นการใช้กลไกระบบไตรภาคีในการสนับสนุนให้มีการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแบบอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจากส่วนต่าง ๆ สามารถเข้ามาทำงานร่วมกันได้
นโยบายปัญหายาเสพติด สนับสนุนรณรงค์ ลดปัญหาการระบาดของยาเสพติดในสถานประกอบกิจการ ที่ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินการเพื่อการก้าวพ้นปัญหายาเสพติดในที่สุด โดยเริ่มจากสถานที่อยู่ใกล้ตัวนายจ้าง-ลูกจ้าง นั่นก็คือ ที่ทำงานหรือสถานประกอบการโดยการเพิ่มความเข้มแข็ง “โครงการโรงงานสีขาว”
ท้ายสุดที่จะนำเสนอ คือ นโยบายด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ แรงงานไทยนอกจากจะเป็นพลังการขับเคลื่อนทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้แรงงานไทยส่วนหนึ่งที่ถูกหลอกลวงหรือประสบปัญหาในต่างแดน กระทรวงแรงงานมีหน่วยงานในต่างประเทศที่ให้การดูแลแรงงานไทยที่ไปทำงานยังต่างประเทศให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิฯและดูแลเรื่องการขยายตลาดแรงงานในพื้นที่ 13 แห่ง 11 ประเทศ ขณะที่มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานนอกเหนือจากประเทศดังกล่าว ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมภาพพจน์ในความสามารถของแรงงานไทย และจัดหาแรงงานไทยให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานจึงเห็นความสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศด้วยระบบการจัดส่งโดยรัฐ ( G to G ) ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการให้ความคุ้มครองดูแลการรักษาสิทธิประโยชน์ที่รวมถึงสิทธิมนุษยชนของแรงงานไทยและการป้องกันการปราบปรามการค้ามนุษย์