xs
xsm
sm
md
lg

สปสช.โว หลังกองทุนยา-เวชภัณฑ์ ตั้งขึ้น 1 ปี พบ ผู้ป่วยระบบรักษาฟรีเข้าถึงยาจำเป็นเพิ่มมากขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
พบผู้ป่วยระบบระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเข้าถึงยาจำเป็นมากขึ้น สปสช.โว เพราะหลักบริหารมีประสิทธิภาพ เผยปี 52 ถึงปัจจุบัน ยอดผู้ป่วยเข้าถึงยาจำเป็นกว่า 4 พันราย

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ สปสช.ได้จัดตั้งกองทุนยา เวชภัณฑ์ และวัคซีน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อบริการระบบยาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ประชาชนเข้าถึงยาที่จำเป็นอย่างทั่วถึงด้วยความมั่นใจในคุณภาพ และความเหมาะสมในการสั่งใช้ยานั้น ที่ผ่านมา พบว่า สามารถทำให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็น และยาที่มีราคาแพงและได้รับการรักษาในหน่วยบริการได้เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งนี้ ยาที่กองทุนยาฯ บริหารจัดการ ประกอบด้วย 1.โครงการเพิ่มการเข้าถึงยาบัญชี จ(2) นั้น แม้จะมีผู้ป่วยจำนวนไม่มาก แต่ก็เป็นยาจำเป็นที่มีราคาสูงมาก สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยบริการ ผู้ป่วยและครอบครัว ซึ่งผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2552-ปัจจุบัน พบว่า ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยามีการเข้าถึงยาเพิ่มจำนวนสูงขึ้น จาก 84 ราย ในปี 2552 เพิ่มเป็น 4,433 ราย ในปี 2553 และในปีงบประมาณนี้เฉพาะช่วงตุลาคม 2553-พฤษภาคม 2554 มีผู้ป่วยรายใหม่เข้าถึงยาเพิ่มขึ้น 3,691 ราย รวม 8,124 รายมูลค่าการใช้ยาของผู้ป่วย 3 ปีประมาณ 400 ล้านบาท นอกจากนี้แล้ว สปสช.ยังมีโครงการเพิ่มการเข้าถึงยาจิตเวช สำหรับผู้ป่วยจิตเวชที่จำเป็นต้องได้รับยาเม็ดริสเพอริโดน รักษาอาการจิตเภท อารมณ์แปรปรวน และยาเซอร์ทราลีน รักษาโรคซึมเศร้าชนิดรุนแรง ซึ่งการดำเนินงานตั้งแต่ กรกฎาคม 2553-ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้าถึงยา 21,255 ราย มูลค่าการใช้ยากว่า 18 ล้านบาท

นพ.วินัย กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการแก้ไขปัญหายากำพร้า 10 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มยาต้านพิษ ซึ่งเป็นยาที่มีความจำเป็นต้องใช้ แม้มีอัตราการใช้ต่ำ แต่ไม่สามารถใช้ยาอื่นทดแทนได้เป็นยาที่มีปัญหาการขาดแคลน จำเป็นต้องมีการสำรองไว้ใช้ในประเทศ ปัจจุบันมีรพ.เป็นเครือข่ายสำรองยา 100 แห่ง ทั่วประเทศ เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ยาสามารถสืบค้นแหล่งสำรองยาให้เกิดการเข้าถึงยาได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วย รวมทั้ง การจัดหาและกระจายวัคซีนได้แก่ วัคซีนพื้นฐานสำหรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (EPI) ซึ่งเป็นวัคซีนจำเป็นสำหรับเด็กทุกคน คือ วัคซีนป้องกัน คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก หัด ไข้สมองอักเสบ ไวรัสตับอักเสบ และ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล รวมถึงวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งได้มีจัดหาและการกระจายวัคซีนผ่านระบบ VMI ไปสู่การเป็นคลังสำรองของรพ.แม่ข่ายจำนวน 1,033 แห่งทั่วประเทศโดยมีการพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพห่วงโช่ความเย็นเพื่อการเก็บรักษาคุณภาพวัคซีนตลอดช่วงเวลาทั้งในการขนส่งและการเก็บรักษาในหน่วยบริการจนถึงการให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมาย
“การบริหารจัดการยาและวัคซีนดังกล่าวข้างต้น ล้วนมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นด้วยความมั่นใจในคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นยากลุ่มที่มีราคาแพงมาก หรือกลุ่มยาที่มีการใช้น้อย แต่จำเป็นต้องมีใช้ รวมถึงยา หรือวัคซีนที่จำเป็นกรณีเมื่อเกิดโรคระบาดต่างๆ ด้วย ซึ่งการจัดระบบการจัดหาและการกระจายนี้ สปสช.ออกแบบให้หน่วยบริการสามารถบริหารจัดการ เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาอย่างถ้วนหน้านั่นเอง” นพ.วินัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น