6 องค์กรวิชาชีพแพทย์ หนุนรัฐบาลบรรจุวัคซีนเอชพีวีเข้าบัญชีวัคซีนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ของผู้หญิง
วันนี้ (3 พ.ค.) 6 องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ นำโดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย และสมาคมอนามัยเจริญพันธุ์ (ไทย) ได้ร่วมกันแถลงข้อเสนอแนะเรื่องการฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก หลังจากได้นำเข้าหารือกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหามะเร็งปากมดลูกในหญิงไทยที่ยังเสียชีวิตสูงถึงวันละ 14 คน
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ 6 องค์กร ได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอแนะเรื่องการฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก และได้นำเรื่องนี้เข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ทั้งนี้ เพื่อเสนอให้การป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นนโยบายสาธารณะที่เร่งด่วน เนื่องจากเฉลี่ยแล้วมีผู้หญิงเสียชีวิตวันละ 14 คนด้วยโรคนี้ โดยกลยุทธ์ที่เสนอมีหลายประการ เช่น เสนอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการทำให้เกิดความตระหนักถึงความเสี่ยงของสตรี ต่อการติดเชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก การทำให้สตรีทุกคนเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพื่อการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การส่งเสริมให้สตรีทุกคนรู้วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก (รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันในสตรีที่มีข้อบ่งชี้) การส่งเสริมให้การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับเด็กหญิงอยู่ในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ การเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายวัคซีน ขายวัคซีนในราคาที่เหมาะสมเพื่อสตรีทุกคนที่มีข้อบ่งชี้สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน
“ประเทศไทยตัดสินใจเรื่องนี้ค่อนข้างช้า ประเทศอื่นๆมีสถิติผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกต่ำกว่าเรามาก แต่เขาก็ให้ฉีดวัคซีนในเด็กฟรี ปัจจุบันราคาวัคซีนถูกลงมาก ยิ่งรัฐบาลซื้อเองยิ่งถูกลงได้อีก องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ทั้งหก จึงขอเสนอให้มีนโยบายฉีดวัคซีนเอชพีวีในเด็กหญิงอายุ 12 ปีฟรี ส่วนการตรวจคัดกรองก็ยังต้องทำต่อเนื่อง และต้องทำให้มากขึ้น” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ศ.นพ.สมบูรณ์ คุณาธิคม ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากรายงานที่พบว่าเด็กวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 13 ปี จึงควรมีการฉีดวัคซีนเอชพีวีในเด็กหญิงอายุ 10-12 ปี น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะเด็กไทยที่มีเพศสัมพันธ์มักจะเกิดขึ้นหลังจากเรียนมัธยมศึกษาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม วัคซีนเอชพีวีที่มีจำหน่ายในขณะนี้ ไม่สามารถป้องกันเชื้อไว้รัสเอชพีวีได้ทุกตัว จะป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณร้อยละ 70
วันนี้ (3 พ.ค.) 6 องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ นำโดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย และสมาคมอนามัยเจริญพันธุ์ (ไทย) ได้ร่วมกันแถลงข้อเสนอแนะเรื่องการฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก หลังจากได้นำเข้าหารือกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหามะเร็งปากมดลูกในหญิงไทยที่ยังเสียชีวิตสูงถึงวันละ 14 คน
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ 6 องค์กร ได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอแนะเรื่องการฉีดวัคซีนเอชพีวี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก และได้นำเรื่องนี้เข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ทั้งนี้ เพื่อเสนอให้การป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นนโยบายสาธารณะที่เร่งด่วน เนื่องจากเฉลี่ยแล้วมีผู้หญิงเสียชีวิตวันละ 14 คนด้วยโรคนี้ โดยกลยุทธ์ที่เสนอมีหลายประการ เช่น เสนอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการทำให้เกิดความตระหนักถึงความเสี่ยงของสตรี ต่อการติดเชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก การทำให้สตรีทุกคนเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพื่อการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การส่งเสริมให้สตรีทุกคนรู้วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก (รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันในสตรีที่มีข้อบ่งชี้) การส่งเสริมให้การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับเด็กหญิงอยู่ในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ การเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายวัคซีน ขายวัคซีนในราคาที่เหมาะสมเพื่อสตรีทุกคนที่มีข้อบ่งชี้สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน
“ประเทศไทยตัดสินใจเรื่องนี้ค่อนข้างช้า ประเทศอื่นๆมีสถิติผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกต่ำกว่าเรามาก แต่เขาก็ให้ฉีดวัคซีนในเด็กฟรี ปัจจุบันราคาวัคซีนถูกลงมาก ยิ่งรัฐบาลซื้อเองยิ่งถูกลงได้อีก องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ทั้งหก จึงขอเสนอให้มีนโยบายฉีดวัคซีนเอชพีวีในเด็กหญิงอายุ 12 ปีฟรี ส่วนการตรวจคัดกรองก็ยังต้องทำต่อเนื่อง และต้องทำให้มากขึ้น” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ศ.นพ.สมบูรณ์ คุณาธิคม ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากรายงานที่พบว่าเด็กวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 13 ปี จึงควรมีการฉีดวัคซีนเอชพีวีในเด็กหญิงอายุ 10-12 ปี น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะเด็กไทยที่มีเพศสัมพันธ์มักจะเกิดขึ้นหลังจากเรียนมัธยมศึกษาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม วัคซีนเอชพีวีที่มีจำหน่ายในขณะนี้ ไม่สามารถป้องกันเชื้อไว้รัสเอชพีวีได้ทุกตัว จะป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณร้อยละ 70
