“จุรินทร์” ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพดูแลมาตรฐานสปาปลา และเชิญผู้ประกอบการ 1,341 แห่ง ประชุมเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยผู้ใช้บริการ
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสปาปลาว่า เป็นธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มสปา ขณะนี้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขดูแลใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.กลุ่มสปา 2.กลุ่มนวด และ3.กลุ่มนวดเพื่อสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุขให้การรับรองตามพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ หากผิดมาตรฐานจะถูกถอนการรับรอง และต้องขึ้นกับกระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.สถานบริการ
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สปาปลาเป็นส่วนหนึ่งของสปาที่กระทรวงสาธารณสุขดูแล แต่มีการแยกความจำเพาะออกไป ได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้าไปดูว่ามีเกณฑ์อะไรบ้างที่ต้องปรับปรุง เพื่อการดูแลสปาปลาโดยเฉพาะเพิ่มเติมจากประกาศเดิมที่มีอยู่ หากจำเป็นจะได้เพิ่มเติมในประกาศต่อไป เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความปลอดภัยและได้รับบริการตามเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีประเด็นเรื่องน้ำ หากไม่สะอาด ไม่มีการเปลี่ยนน้ำ มีผู้ใช้บริการซ้ำๆ จำนวนมาก จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยเฉพาะที่ผิวหนัง หากผู้ไปใช้บริการมีแผล อาจจะเป็นทั้งพาหะของเชื้อและเป็นผู้รับเชื้อ เช่นผู้ที่เป็นวัณโรคเทียมที่มีปัญหามีเชื้อที่ผิวหนัง เชื้อก็จะลงไปที่น้ำ เมื่อปลากินเข้าไปและคายออกมา เชื้อก็ยังอยู่ในน้ำ หากมีคนมาใช้บริการต่อและมีแผลก็มีโอกาสรับเชื้อเข้าไป
เบื้องต้นจะต้องปรับปรุงโดยมีการกรองผู้ที่เข้าใช้บริการสปาปลา หากมีแผลไม่อนุญาตให้ใช้บริการ รวมถึงจะต้องเปลี่ยนน้ำปลาบ่อยๆ เป็นต้น โดยจะได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเชิญประชุมผู้ประกอบธุรกิจสปาปลามาทำชี้แจงทำความเข้าใจถึงข้อปฏิบัติเบื้องต้น ทั้งนี้ประเทศไทยมีสปาโดยรวม 1,341 แห่ง
ทางด้านนพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯ ได้จัดทำร่างมาตรฐานการบริการสปาปลา โดยหารือกับกรมประมงและกรมอนามัย เบื้องต้นมี 7 มาตรฐาน ได้แก่ 1.สถานที่ 2.ชื่อ 3.ปลาที่ให้บริการ 4.การบริการ 5.อุปกรณ์เครื่องมือและผลิตภัณฑ์ 6.ด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และ7.การเฝ้าระวังการติดเชื้อ โดยปลาที่ใช้ในสปาปลาจะต้องมีขนาดประมาณ 2-4 นิ้ว ต้องไม่มีฟันบนขากรรไกร เพราะจะทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆ อาจทำให้ติดเชื้อภายหลังได้ และต้องมาจากฟาร์มมาตรฐานของกรมประมง ซึ่งปลาไทยที่จะใช้ได้ในสปาปลา เช่น ปลาน้ำผึ้ง ปลานกกระจอก ปลาจิ้งจอก ปลาเล็บมือนาง ปลามัน
สำหรับอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ จะต้องมีระบบการฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต หรือยูวี มีระบบตัวกรองน้ำชนิดละเอียดมีประสิทธิภาพในการกรองตะกอนต่างๆ ที่เกิดจากการขับถ่ายหรือคราบไคลของผู้ใช้บริการ น้ำจะต้องมีความใส ผ้าที่เช็ดทำความสะอาดเท้าของผู้รับบริการ ต้องผ่านการซักทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ส่วนความสะอาดสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมพื้นที่ ต้องไม่แออัด อากาศถ่ายเทสะดวก น้ำที่ใช้ในอ่างปลาต้องใสสะอาดมีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 6.5-8.5 ต้องปราศจากเชื้อ โดยต้องไม่มีโคลิฟอร์มแบคทีเรีย และเชื้ออีโคไล (E.coli) มีระบบน้ำหมุนเวียนเข้าอ่างตลอด 24 ชม. ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ในปริมาณไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทั้งหมด และเปลี่ยนวัสดุกรองชนิดละเอียดทุกวัน
ส่วนเรื่องการเฝ้าระวังการติดเชื้อได้จัดทำคู่มือปฏิบัติการให้สถานประกอบการใช้เป็นแนวทางการดูแล ทั้งนี้ก่อนให้บริการจะต้องมีระบบการคัดกรอง ผู้ที่ไม่ควรใช้บริการสปาปลามี 2 กลุ่มพิเศษ ได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง มีบาดแผลหรือตุ่มหนอง และผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ที่มีอาการชาตามมือและเท้า และจะต้องมีการจัดทำทะเบียนประวัติผู้รับบริการทุกรายและขณะใช้บริการผู้รับบริการจะต้องไม่มีอาการผิวหนังแดงแสบหรือเจ็บจากการตอดของปลาด้วย
นพ.มานิต ธีรตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการที่ สบส.ได้ออกมาเตือนเรื่องอันตรายจากสปาปลานั้น หากพบว่ามีบุคคลแจ้งความเดือดร้อนว่าได้รับผลกระทบทางสุขภาพจริงๆ กรมควบคุมโรคคงต้องประสานงานร่วมกับ สบส.ในการรณณงค์ให้ความรู้ เชิงเตือนภัย แต่คาดว่าคงไม่อันตรายถึงขั้นใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2523 นั้นมาดูแลโดยตรงเพราะ พ.ร.บ.ดังกล่าวใช้ควบคุมเฉพาะโรคติดต่อร้ายแรง สำหรับกรณีที่เป็นกังวลว่า การใช้บริการสปาปลาอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรคเทียมนั้น ยังถือว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ต้องควบคุมพิเศษ แต่เป็นโรคที่รักษายาก หมายความว่า อาจเป็นโรคที่ดื้อยาและจำเป็นต้องใช้ยาที่แรงและราคาแพงในการรักษา ซึ่งในอนาคตหากพบว่า มีคนติดโรคดังกล่าวจริง กรมฯก็จะออกประกาศเตือนภัยต่อไป ซึ่งอาจประกาศเป็นช่วงเหมือนกับโรคไข้หวัด เพื่อให้ประชาชนมีการป้องกันที่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลรายงานว่ามีผู้ป่วยจากบริการดังกล่าว ดังนั้นก็ยังไม่จำเป็นต้องดำเนินการอะไรเร่งด่วน
ทั้งนี้ในส่วนของการคุมกิจการสปาปลาให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ปลอดภัยนั้น คงต้องปล่อยเป็นหน้าที่รับผิดชอบของ สบส.ต่อไป อย่างไรก็ตามขอฝากว่า หากมีประชนได้รับผลกระทบจากสปาปลาจริงๆ ก็ขอให้แจ้งมายังกรมให้ทราบ