“จุรินทร์” ลงนามชงร่าง พ.ร.บ.เครื่องสำอางฉบับใหม่ เข้า ครม.ชี้ เพื่อให้เหมาะสม ทันสมัย เนื้อหาคลุมความปลอดภัย การโฆษณาเกินเว่อร์ พร้อมสอดคล้องกับกลุ่มประเทศอาเซียน หนุนศักยภาพอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยสู่ตลาดโลก
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามหนังสือเสนอร่าง พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการเครื่องสำอาง และรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นชอบกับการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากประเทศไทยได้ใช้พระราชบัญญัติเครื่องสำอางเป็นแม่บทในการกำกับดูแลเครื่องสำอางที่ผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่าย ตั้งแต่ พ.ศ.2535 มาจนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 17 ปี บทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และกลไกการผลิตได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งเทคโนโลยีและการแข่งขันทางการค้า จึงต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัย และสอดรับการเขตการค้าเสรีอาเซียน เพื่อใช้ในการกำกับดูแลเครื่องสำอางในอาเซียนเป็นมาตรฐานเดียวกันตามบทบัญญัติเครื่องสำอางแห่งอาเซียน (ASEAN Cosmetic Directive) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2551 เป็นต้นมา
“ร่าง พ.ร.บ.เครื่องสำอางฉบับใหม่นี้ นอกจากจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย ให้มีศักยภาพในระดับสากล สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ขณะนี้มีผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางจำนวนมาก ยื่นขอจดทะเบียนที่ อย.ประมาณ 40,000 เรื่อง” โฆษก สธ.กล่าว
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับในร่างกฎหมายเครื่องสำอางฉบับใหม่ ได้ปรับปรุงสาระสำคัญเช่น 1.ปรับนิยามเครื่องสำอางให้มีความชัดเจนครอบคลุมตามหลักสากลและเพิ่มเติมนิยามศัพท์ ได้แก่ สารสำคัญ ผู้รับจดแจ้ง ผู้ประกอบธุรกิจ ข้อความ โฆษณา สื่อโฆษณา หน่วยงานของรัฐ ด่านอาหารและยา 2.เพิ่มมาตรการกำกับดูแลเครื่องสำอาง โดยกำหนดให้ผู้ประสงค์จะผลิตเพื่อขาย หรือนำเข้าเพื่อขายเครื่องสำอางทุกประเภท ต้องแจ้งรายละเอียดของเครื่องสำอางต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนผลิต/นำเข้า ปรับจากเดิมที่เครื่องสำอางบางประเภทเท่านั้นที่ต้องขึ้นทะเบียนตำรับและบางประเภทต้องจดแจ้ง
3.เพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภค โดยปรับเพิ่มข้อกำหนดเกี่ยวกับภาชนะบรรจุหลักเกณฑ์วิธีการผลิต วิธีการนำเข้าหรือวิธีการเก็บรักษา วิธีการรายงานอาการที่ไม่พึงประสงค์ ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งผู้ผลิตหรือนำเข้า เพื่อขาย ต้องจัดให้มีไว้เพื่อการตรวจสอบ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค 4.ปรับปรุงบทบัญญัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณา กำหนดให้การโฆษณาเครื่องสำอาง จะต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค
5.ปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อหรือส่งเสริมการส่งออก และเพิ่มโอกาสให้องค์กร ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับดูแลมากขึ้น โดยมีทั้งหมด 10 หมวด 85 มาตรา มีบทลงโทษเช่น กรณีขายเครื่องสำอางโดยไม่มีฉลากภาษาไทย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท เป็นต้น