ตะลึง! ผู้ประกันตนร้องทุกข์ผ่านสายด่วนบัตรทอง ปีละกว่า 3 พันราย เหตุช่องทางคุ้มครองสิทธิ์ประกันสังคมไร้ประสิทธิภาพ จี้เลิกเอาเปรียบผู้ประกันตน
น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า กรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกจ้างและนายจ้างปี 2553 ที่มีต่อการให้บริการของสปส. โดยระบุว่ามีความพึงพอใจ 93% นั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลสำรวจความพึงพอใจของผู้ประกันตนที่มีต่อการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคม ซึ่งรายงานผลการสำรวจลักษณะนี้ สปส.มีการดำเนินการทุกปี เป็นการสำรวจความพึงพอใจของผู้ที่มาใช้บริการที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและเขตพื้นที่ทั่วประเทศ ส่วนข้อมูลที่มีผู้ร้องเรียนกรณีการใช้บริการทางการแพทย์ที่ระบุว่ามีเพียง 2,000-3,000 รายต่อปี จากผู้ประกันตน 10 ล้านราย ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมากนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะข้อมูลการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิประกันสังคมที่ผู้ประกันตนร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วน สปสช.1330 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นข้อมูลที่น่าตกใจ ซึ่งบางปีสูงถึง 4,000 ราย ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ช่องทางการคุ้มครองสิทธิของ สปส.มีปัญหา และทำให้ผู้ประกันตนเลือกใช้ช่องทางร้องเรียนของสปสช. แทน
“สายด่วนประกันสังคม 1506 นั้น ผู้ประกันตนที่ต้องการสอบถามข้อมูล จนถึงการร้องเรียน ไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ และเมื่อเข้าไม่ถึงบริการผู้ประกันตนต้องไปร้องเรียนกับช่องทางของสิทธิบัตรทองแทน ซึ่งเรื่องร้องทุกข์ประกอบด้วย ให้ประสานหาเตียง ปัญหาสิทธิไม่ตรงตามจริง ทั้งจากกรณีส่งเงินสมทบไม่ครบ 3 เดือน ชุดสิทธิประโยชน์ไม่ครอบคลุม เช่น กรณีการฆ่าตัวตาย การรักษาจิตเวช ภาวะแท้งบุตร การรักษาด้านกายภาพ การรักษาเป็นผู้ป่วยในเกิน 180 วัน การพิการตั้งแต่กำเนิดต้องใส่ขาเทียม การดูแลผู้ป่วย การเยี่ยมบ้าน รวมถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาล ความต่อเนื่องของการรักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคเอดส์ และปัญหาการใช้สิทธิกรณีอุบัติเหตุจากการทำงาน เป็นต้น” น.ส.สุภัทรา กล่าวและว่า ดังนั้น ถ้าคิดในทางกลับกันสปส.ไม่ควรยินดีกับตัวเลขผู้ประกันตนร้องเรียนของตน แต่ควรจะตกใจว่าทั้งที่ผู้ประกันตนเข้าถึงช่องทางการร้องเรียนยาก ยังมีผู้ร้องเรียนถึงปีละ 2,000-3,000 ราย สิ่งที่อยากชี้แจงให้ผู้ประกันตนในประกันสังคมต้องตระหนักคือว่า เมื่อเริ่มต้นส่งเงินเข้าประกันสังคมตั้งแต่เดือนแรก ควรได้รับสิทธิรักษาพยาบาลทันที ไม่ใช่ต้องรอ 3 เดือนกรณีรักษา และรอ 7 เดือนกรณีตั้งครรภ์ เป็นการเอาเปรียบผู้ประกันตน
ทั้งนี้ เรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับสิทธิประกันสังคมที่แจ้งผ่านสายด่วน ในช่วง 5 ปี (2549-2553) ดังนี้ ปี 2549 จำนวน 3,141 ราย ปี 2550 จำนวน 3,737 ราย ปี 2551 จำนวน 4,762 ราย ปี 2552 จำนวน 2,004 ราย และปี 2553 จำนวน 856 ราย ซึ่งในปี 2553 ประเด็นสิทธิไม่ตรงตามสิทธิลดน้อยลง เนื่องจากประกันสังคมได้ส่งฐานข้อมูลปลดสิทธิผ่านนายทะเบียนของหน่วยบริการโดยตรง
น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า กรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยผลการสำรวจความพึงพอใจของลูกจ้างและนายจ้างปี 2553 ที่มีต่อการให้บริการของสปส. โดยระบุว่ามีความพึงพอใจ 93% นั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลสำรวจความพึงพอใจของผู้ประกันตนที่มีต่อการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคม ซึ่งรายงานผลการสำรวจลักษณะนี้ สปส.มีการดำเนินการทุกปี เป็นการสำรวจความพึงพอใจของผู้ที่มาใช้บริการที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและเขตพื้นที่ทั่วประเทศ ส่วนข้อมูลที่มีผู้ร้องเรียนกรณีการใช้บริการทางการแพทย์ที่ระบุว่ามีเพียง 2,000-3,000 รายต่อปี จากผู้ประกันตน 10 ล้านราย ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมากนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะข้อมูลการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิประกันสังคมที่ผู้ประกันตนร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วน สปสช.1330 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นข้อมูลที่น่าตกใจ ซึ่งบางปีสูงถึง 4,000 ราย ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ช่องทางการคุ้มครองสิทธิของ สปส.มีปัญหา และทำให้ผู้ประกันตนเลือกใช้ช่องทางร้องเรียนของสปสช. แทน
“สายด่วนประกันสังคม 1506 นั้น ผู้ประกันตนที่ต้องการสอบถามข้อมูล จนถึงการร้องเรียน ไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ และเมื่อเข้าไม่ถึงบริการผู้ประกันตนต้องไปร้องเรียนกับช่องทางของสิทธิบัตรทองแทน ซึ่งเรื่องร้องทุกข์ประกอบด้วย ให้ประสานหาเตียง ปัญหาสิทธิไม่ตรงตามจริง ทั้งจากกรณีส่งเงินสมทบไม่ครบ 3 เดือน ชุดสิทธิประโยชน์ไม่ครอบคลุม เช่น กรณีการฆ่าตัวตาย การรักษาจิตเวช ภาวะแท้งบุตร การรักษาด้านกายภาพ การรักษาเป็นผู้ป่วยในเกิน 180 วัน การพิการตั้งแต่กำเนิดต้องใส่ขาเทียม การดูแลผู้ป่วย การเยี่ยมบ้าน รวมถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาล ความต่อเนื่องของการรักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคไต โรคเอดส์ และปัญหาการใช้สิทธิกรณีอุบัติเหตุจากการทำงาน เป็นต้น” น.ส.สุภัทรา กล่าวและว่า ดังนั้น ถ้าคิดในทางกลับกันสปส.ไม่ควรยินดีกับตัวเลขผู้ประกันตนร้องเรียนของตน แต่ควรจะตกใจว่าทั้งที่ผู้ประกันตนเข้าถึงช่องทางการร้องเรียนยาก ยังมีผู้ร้องเรียนถึงปีละ 2,000-3,000 ราย สิ่งที่อยากชี้แจงให้ผู้ประกันตนในประกันสังคมต้องตระหนักคือว่า เมื่อเริ่มต้นส่งเงินเข้าประกันสังคมตั้งแต่เดือนแรก ควรได้รับสิทธิรักษาพยาบาลทันที ไม่ใช่ต้องรอ 3 เดือนกรณีรักษา และรอ 7 เดือนกรณีตั้งครรภ์ เป็นการเอาเปรียบผู้ประกันตน
ทั้งนี้ เรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับสิทธิประกันสังคมที่แจ้งผ่านสายด่วน ในช่วง 5 ปี (2549-2553) ดังนี้ ปี 2549 จำนวน 3,141 ราย ปี 2550 จำนวน 3,737 ราย ปี 2551 จำนวน 4,762 ราย ปี 2552 จำนวน 2,004 ราย และปี 2553 จำนวน 856 ราย ซึ่งในปี 2553 ประเด็นสิทธิไม่ตรงตามสิทธิลดน้อยลง เนื่องจากประกันสังคมได้ส่งฐานข้อมูลปลดสิทธิผ่านนายทะเบียนของหน่วยบริการโดยตรง
