“ชินวรณ์” ชี้ โจ๋อีสานใช้ถุงก๊อบแก๊บแทนถุงยางอนามัยขณะมีเซ็กซ์ เป็นกรณีพิสดาร เมินให้ความสำคัญ เน้นแก้ปัญหาองค์รวม สร้างวินัยในตัวเอง ผุด 3 ยุทธศาสตร์เชิงรุก วอนนักวิชาการช่วยทำวิจัยเชิงลึกแก้ปัญหา
จากกรณีที่ รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาเปิดเผยข้อมูลจากการจัดทำโฟกัสกรุ๊ปเก็บข้อมูล เพื่อการทำวิจัยศึกษาปัญหาของเด็กและเยาวชนยุคปัจจุบัน โดยพบว่า นักเรียนชั้น ม.1-3 ในเขตภาคอีสาน นิยมใช้ถุงพลาสติกใส ถุงก๊อบแก๊บ แทนถุงยางอนามัยในการมีสัมพันธ์ โดยนักเรียนยอมรับว่า ไม่มีเงิน และไม่กล้าซื้อถุงยางอนามัยนั้น
วันนี้ (4 ม.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ในนโยบายของรัฐบาลในปี 2554 ที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการเข้ามาดูแลเด็กที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การดูแลเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา และครูที่สอนดี ซึ่งกรณีนี้ตนได้มอบหมายในเชิงยุทธศาสตร์แก่องค์กรหลักของ ศธ.ไปแล้วให้เป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกใน 3 ด้าน คือ 1.การส่งเสริมไม่ให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ (NO SEX) ซึ่งจะมีการปรับปรุงหลักสูตรกระบวนการเรียนการสอนเพื่อมุ่งเน้นให้นักเรียนเรียนรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม 2.หากมีความจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ต้องเน้นความปลอดภัย (Safety Sex) โดยจะต้องมีการป้องกันไม่ให้มีการตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่พร้อม และหากพลาดพลั้งตั้งครรภ์ในวัยเรียนจะต้องคุ้มครองเด็กเหล่านี้ตามกฎหมาย พร้อมทั้งจัดอบรมครูแนะแนวเพื่อช่วยเหลืออย่างรอบด้าน และ 3.การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนในปี 2554 โดยการตั้งภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าส่งเสริมความประพฤตินักเรียน อาสาสมัคร จำนวน 1,500 คนเพื่อส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนให้อยู่ในกรอบที่ดีในปัญหา 4 ด้าน ทะเลาะวิวาท นักเรียนหนีเรียน ชู้สาว เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
“การที่เด็กใช้ถุงพลาสติกแทนถุงยางอนามัยนั้น เป็นกรณีที่พิสดาร ซึ่ง ศธ.ไม่ได้ให้ความสำคัญมาก เพราะ ศธ.จะเน้นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแบบองค์รวม การเน้นให้เด็กมีวินัยในตนเอง การเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมมากกว่า” รมว.ศธ.กล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีการเสนอให้ติดตั้งตู้จำหน่ายถุงยางอนามัยหยอดเหรียญในโรงเรียน แต่มีการคัดค้านกันมาก เนื่องจากในขณะนั้นเกรงว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ ศธ.จะมีการทบทวนในเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุจะเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น แต่จริงๆ ควรไปศึกษาปัญหาอย่างแท้จริงว่าเกิดเพราะอะไรและอยากให้อาจารย์ที่ออกมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ได้ทำการศึกษาวิจัยในเชิงลึก เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง