“หมอเรวัต” โต้ซื้อโฆษณาสื่อแจงความจริงให้สังคมรู้ว่าไม่โกงไทยเข้มแข็ง ไม่แปลก เงินมีที่มาที่ไป ตรวจสอบได้ ยอมรับเครื่องมือแพทย์ไม่ได้มีการประเมินเทคโนโลยี แต่แค่เบี่ยงประเด็น ไม่เกี่ยวกับส่อทุจริต ชี้ใช้เวลาประเมินเทคโนโลยีนานไม่ทันโครงการไทยเข้มแข็ง ด้าน ผอ.สถาบันมะเร็งฯ เตรียมชี้แจง กมธ.สาธารณสุข ส.ว. 22 ม.ค.นี้
วันที่ 19 มกราคม นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็ง ชุดที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบความเหมาะสมในการซื้อพื้นที่โฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของกรมการแพทย์นั้นว่า ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ถือว่าไม่เป็นธรรม ดังนั้นจึงต้องประกาศความจริงให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่ากรมการแพทย์ ได้รับข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง ไม่จริง ไม่เป็นธรรม ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซื้อพื้นที่โฆษณาแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.งบประมาณการเผยแพร่งานเชิงวิชาการ หรือการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กร ซึ่งดำเนินการมาตลอดอยู่แล้ว และเป็นงบประมาณไม่มาก 2.เงินที่ได้รับจากการบริจาคของผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป และกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ และผู้ใหญ่
“เพื่อนๆ พี่ๆ ผู้ใหญ่ที่รักความเป็นธรรมซึ่งก็ทราบดีว่า ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของโรงแรม เจ้าของสนามกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เป็นผู้ให้การสนับสนุนผม รวมถึงมีเพื่อนๆ ทำงานด้านสื่อ ทั้งรายการวิทยุ หนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ด้วย และขอยืนยันว่าเงินที่ได้มานั้น ถูกต้อง สุจริต สามารถตรวจสอบได้ ไม่เช่นนั้น ผมคงไม่กล้านำมาใช้” นพ.เรวัต กล่าว
นพ.เรวัติ กล่าวต่อว่า ความจริงการชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กรมการแพทย์ ไม่จำเป็นด้วยซ้ำที่ต้องซื้อสื่อโฆษณา เพราะมีนักข่าวให้ความสนใจมาสัมภาษณ์ ซักถามตนเป็นประจำอยู่แล้วเพราะสังคมย่อมอยากรู้ความจริง อยากรู้ว่าตนจะพูดอย่างไร เพราะปกติไม่เคยมีใครจะบอกความจริงถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับที่ นพ.บรรลุ พูด ทุกคนมุกจะยอมจำนนอยู่แล้ว
นพ.เรวัติ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า กรมการแพทย์ไม่มีการประเมินเทคโนโลยีจากโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) หรือหน่วยงานประเมินเทคโนโลยีของกรมการแพทย์ว่า ยอมรับว่ากรมการแพทย์ ไม่ได้เสนอโครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้ HITAP พิจารณา แต่ยืนยันว่ากรมการแพทย์ ได้มีการประเมินเทคโนโยลีด้านการแพทย์อยู่แล้ว โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ใช้เครื่องมือแพทย์แต่ละชิ้นเป็นผู้ประเมินความจำเป็นและเหมาะสมเอง ขณะเดียวกันแต่ละปี HITAP มีการประเมินเทคโนโยลีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
“การประเมินเทคโนโลยีมีหลายมุมมอง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองอย่างไร หากให้ HITAPประเมินจะกลายเป็นเรื่องของเทคโนโลยีด้านเศรษฐศาสตร์ด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก และยังไม่มีหน่วยงานใดในประเทศไทยทำมาก่อน แล้วจะให้กรมการแพทย์ทำเพียงหน่วยงานเดียวคงไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเพียงการเบี่ยงประเด็นของคณะกรรมการฯ เท่านั้น ที่จะไม่พูดเรื่องเครื่องมือแพทย์ราคาแพง ส่อทุจริตตามที่ได้เคยกล่าวหามาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นแผลใหญ่ของคณะกรรมการฯ” นพ.เรวัต กล่าว
นพ.เรวัติ กล่าวว่า การประเมินเทคโลยีเครื่องมือแพทย์ของกรมการแพทย์ จะเน้นที่ผู้ใช้ และผู้ป่วยที่จะได้ใช้เครื่องเป็นหลัก เพราะโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ ต้องรองรับผู้ป่วยที่ฐานะยากจน ผู้ป่วยผู้ยากไร้ ที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนแพทย์ ต่างๆ ได้ จึงจำเป็นต้องสร้างความเท่าเทียม การเข้าถึงบริการการแพทย์ให้กับประชาชน ด้วยการซื้อเครื่องมือแพทย์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กรมการแพทย์ไม่เคยมีใช้มาก่อน
ด้าน นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ในวันที่ 22 มกราคมนี้ เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของสถาบันมะเร็งฯ ซึ่งถูกคณะกรรมการฯ ชุดนพ.บรรลุ เป็นประธาน ชี้มูลความผิดปกติ ว่าสถาบันมะเร็งฯ มีการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ราคาแพง อาจไม่เหมาะสม ตนยืนยันว่าสถาบันมะเร็งฯ มีการประเมินเทคโนโลยีของเครื่องมือแพทย์ที่จะจัดซื้อจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแล้ว และเครื่องมือแพทย์ที่จัดซื้อทุกรายการเป็นเครื่องมือที่สถาบันมะเร็งฯ ไม่มีใช้มาก่อน ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ทั้งสิ้น
“ยอมรับว่าไม่ได้ให้ HITAP มาประเมินเครื่องมือแพทย์ของกรมการแพทย์ เพราะหากจำทำจริงๆ จะต้องใช้เวลานานมาก ที่ผ่านมา HITAP ประเมินเครื่องมือแพทย์แต่ละโครงการ แต่ละชิ้นใช้เวลานานมากไม่ต่ำกว่า 1 ปี ซึ่งไม่ทันกับโครงการไทยเข้มแข็ง และที่สำคัญ ยังไม่มีกฎหมาย หรือระเบียบราชการใดที่กำหนดว่าการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ทุกชิ้นจะต้องผ่านการประเมินจาก HITAP ก่อน” นพ.ธีรวุฒิ กล่าว