บุรีรัมย์- บุรีรัมย์ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยหนาวทั้งจังหวัด พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกอำเภอแล้ว หลังสภาพอากาศหนาวเย็นลงต่อเนื่อง ขณะทั้งจังหวัดมีผู้ยากไร้ขาดแคลนเครื่องนุ่งกันหนาวกว่า 230,000 ราย
วันนี้ (24 พ.ย.) นายเสริม ไชยณรงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สภาพอากาศที่จังหวัดบุรีรัมย์หนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางจังหวัดฯ จึงได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยหนาวทั้ง 23 อำเภอแล้ว พร้อมทั้งได้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวในทุกอำเภอ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งจากการสำรวจพบว่าทั้งจังหวัดฯ มีเด็ก คนชรา ผู้ยากไร้ และผู้พิการ ประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาวกว่า 230,000 ราย
ขณะที่ทางจังหวัดฯ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อเร่งออกดำเนินการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ขาดแคลนเครื่องกันหนาว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะอนุมัติงบ 1 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาวนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย หากไม่เพียงพอก็จะเสนอของบประมาณเพิ่มเติม พร้อมประสานองค์กรภาคเอกชน ร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งขณะนี้ได้มีภาคเอกชนนำผ้าห่มกันหนาวมาแจกจ่ายให้กับผู้ขาดแคลนบ้างแล้ว
“ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ทำการสำรวจคัดเลือกผู้ประสบภัยที่ได้รับความเดือดร้อนจริง มารับเครื่องนุ่งห่มกันหนาว โดยหลักเกณฑ์จะต้องไม่เป็นราษฎรที่เคยได้รับแจกผ้าห่มมาก่อนไม่น้อยกว่า 2 ปี ฐานะยากจน และขาดแคลนจริง” นายเสริม กล่าว
ขณะที่นายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า ได้สั่งให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดที่รับผิดชอบ เน้นดูแลรักษาสุขภาพของเด็กนักเรียนอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กจะมีอาการเจ็บป่วยได้ง่าย ขณะที่ครูหลายโรงเรียนได้พาเด็กนักเรียน มาออกกำลังกาย และทำกิจกรรมกลางแดดก่อนเข้าห้องเรียน เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นคลายความหนาวเย็นในเบื้องต้น ซึ่งจากการสำรวจโรงเรียนทั้ง 219 แห่ง ยังมีนักเรียนขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาวอยู่กว่า 15,000 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งสิ้นกว่า 60,000 คน
อย่างไรก็ตาม ทางเขตพื้นที่การศึกษาฯ ยอมรับว่าไม่มีงบประมาณ ที่จะนำไปจัดซื้อเครื่องนุ่งห่มกันหนาว มาแจกจ่ายช่วยเหลือเด็กนักเรียนให้คลายความหนาวเย็นได้ทั้งหมด ซึ่งหากภาครัฐ เอกชน กลุ่มองค์กร หรือผู้มีจิตศรัทธา ต้องการบริจาคเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้กับเด็กนักเรียน สามารถบริจาคได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อที่จะได้นำไปมอบบรรเทาความหนาวเย็นให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนดังกล่าวต่อไป
“นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ทุกโรงเรียนจัดเวรยามเฝ้าระวังป้องกันอัคคีภัย ที่อาจเกิดขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างเข้มงวด เพราะช่วงหน้าหนาวสภาพอากาศจะแห้ง และมีลมกระโชกแรก เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการได้” นายณรงค์ กล่าว