เชียงราย – หลายจังหวัดภาคเหนือทยอยประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว เปิดทางนำงบช่วยชาวบ้านต้านภัยหนาว หลังอุณหภูมิลดลงต่อเนื่อง ปภ.เขต 15 เผยมี ปชช.เดือดร้อนกว่า 4 แสนคน
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (24 พ.ย.) ภายหลังสภาพอากาศมีความหนาวเย็นลงโดยหลายพื้นที่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ได้ทำให้แต่ละจังหวัดในภาคเหนือเริ่มทยอยประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินจากภัยความหนาวเย็นแล้ว โดยในเขตพื้นที่เชียงรายนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ประกาศเป็นพื้นที่ดังกล่าวล่วงหน้าไปแล้ว ขณะที่ นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการ จ.พะเยา ได้ประกาศตามมาในวันนี้
ส่วน จ.แพร่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งคาดว่า ภายในสัปดาห์นี้จะได้รับการประกาศเช่นเดียวกับ จ.น่าน ซึ่งอยู่เขตพื้นที่ดูแลของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เหมือนกัน ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่สูง ซึ่งมีอุณหภูมิส่วนใหญ่ไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส ต่างพากันออกมาเผาฟืนในช่วงเช้าและกลางคืนเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นโดยถ้วนหน้า
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังจากได้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินจากภัยความหนาวเย็นไปแล้วนั้น ทำให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ของแต่ละจังหวัดได้เสนอเรื่องขอความสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวไปยังกรม ปภ.แล้ว และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติงบประมาณ
ในด้านงบประมาณฉุกเฉินที่มีจังหวัดละประมาณ 50 ล้านบาทนั้น ได้มีการกันเอาไว้เพื่อจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวได้ทันทีภายหลังประกาศเป็นเขตพื้นที่ดังกล่าวจำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจากความหนาวเย็นของ จ.เชียงราย นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวชุดแรกที่จะแจกจ่ายในนามภาครัฐต่อไป
พ.ต.ธีระ สันติเมธี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ จ.เชียงราย พะเยา แพร่ และ น่าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 มีผู้ที่สำรวจพบว่าขาดแคลนเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวรวมกันกว่า 400,000 คน โดยอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย จำนวนประมาณ 200,000 คน
พ.ต.ธีระ กล่าวอีกว่า ซึ่งการแจกเครื่องกันหนาวปีนี้จะพยายามเกลี่ยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับพื้นที่ที่เคยแจกจ่ายกันไปแล้วในปีที่ผ่านมา รวมทั้งได้ให้ข้อมูลไปยังภาคเอกชน-ภาครัฐ ที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฯลฯ ซึ่งได้แจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านด้วยเช่นกัน ให้มีการกระจายการช่วยเหลือไปยังประชาชนได้อย่างทั่วถึงกัน