“มานิต” ลั่นไม่ออก โอดไม่ได้ล้วงลูกแค่เอาคำขอของพื้นที่มาเสนอเท่านั้น ย้ำไม่ผิด ไม่ทันได้เขียนทีโออาร์ด้วยซ้ำ ด้านปลัดสธ.โล่งไม่เอี่ยวทุจริต ขอดูเอกสารรายละเอียดทั้งหมด ก่อนไล่เช็คบิลข้าราชการที่พัวพัน
นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวภายหลังรับทราบผลการแถลงของคณะกรรมการฯ ว่า สำหรับกรณีดังกล่าว นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข พูดเสมอว่าเงินยังไม่มาจะเป็นการทุจริตได้อย่างไร ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ต่างๆเพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ก็ได้รับคำขอในเรื่องต่างๆ ก็เพียงแต่นำมาส่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ดูเหมือนก้าวล่วงแต่เกิดจากการเดินทางไปทำงานเท่านั้น ซึ่งต่อจากนี้ตนคงไม่กล้าไปรับฟังความคิดเห็น และนำปัญหาของแต่ละพื้นที่มาเสนออีก หรือหากไม่ได้รับมอบหมายก็คงจะไม่ทำแล้ว ทั้งๆ ที่อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ควรทำทันที และทำงานแบบบูรณาการ
ต่อข้อถามว่า เมื่อคณะกรรมการชี้ว่ามีพฤติกรรมลูกล้วงและส่อไปในทางทุจริตจะแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกหรือไม่ นายมานิต กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นจะตัดสินใจอย่างไรคงต้องคุยกับนายวิทยาก่อน เพราะเงินยังไม่ได้จ่ายสักบาท ยังไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง ยังไม่ได้เขียนทีโออาร์ด้วยซ้ำ ส่วนที่คณะกรรมการระบุว่าตนเข้าพบกับบริษัทผลิตรถพยาบาลเพื่อตกลงเรื่องการฮั้วประมูลนั้น ขอยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปพบแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของโรงพยาบาลราชบุรี ก็เป็นเรื่องที่ทำกันมาตั้งแต่ก่อนตนเป็น ส.ส. และโครงการเมกะโปรเจคก์ก็ดำเนินมานานก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หนึ่งในข้าราชการที่ถูกระบุชื่อเกี่ยวข้องกับโครงการไทยเข้มแข็ง เนื่องจากกระทำการบกพร่องต่อหน้าที่โดยไม่มีหลักฐานเจตนาการทุจริตกล่าวว่า ถึงแม้ว่าตนเองจะได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) แต่สำหรับโครงการไทยเข้มแข็งเป็นโครงการพิเศษที่นพ.ปราชญ์ บุยญวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้กับพญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัดสธ.ซึ่งดูแลด้านการบริหาร เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ดังนั้นหนังสือ เอกสารต่างๆ จึงไม่เคยเสนอผ่านมาทางตนให้รับทราบเลย โดยสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ เพราะแม้แต่การประชุมผู้บริหารส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีการประชุมทุกวันอังคารก็เป็นที่ทราบกันดีว่ารองปลัดด้านบริหารเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งสามารถดูหลักฐานจากรายงานการประชุมได้เช่นกัน
เมื่อถามว่าได้ท้วงติงถึงพฤติกรรมการบริหารจัดการโครงการไทยเข้มแข็งที่ดูไม่ชอบมาพากลหรือไม่ นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า จะขอชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดภายใน 1-2 วันนี้
“หลังจากได้รับทราบการแถลงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ แล้ว รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของข้าราชการ แต่สบายใจที่ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่เช่นนั้นป่านนี้คงรู้สึกหวั่นไหว หากรู้เบื้องหลังของชีวิตการเป็นข้าราชการของผมคงจะเข้าใจและเชื่อมั่น”นพ.ไพจิตร์กล่าว
เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนวินัยข้าราชการที่มีชื่อเกี่ยวข้องเข้าข่ายความผิด ในโครงการไทยเข้มแข็งหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการต่อจากนี้คงจะต้องขอดูรายละเอียดเอกสารทั้งหมดก่อนเนื่องจากเห็นเพียงเอกสารการแถลงข่าวของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เท่านั้น โดยจะต้องหารือกับกลุ่มกฎหมายและกลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรมด้วย
ต่อข้อถามว่า ในฐานะปลัดสธ.จะเข้ามากำกับดูแลโครงการไทยเข้มแข็งที่จะเดินหน้าต่อในปี 2553 หรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า แน่นอนจะต้องลงมากำกับติดตามโครงการไทยเข้มแข็งเองทั้งหมด ซึ่งนับตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่ของปลัดสธ.ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยโครงการไทยเข้มแข็งเลย