xs
xsm
sm
md
lg

“หมอวิชัย” แย้มมีนักการเมือง-ขรก.เอี่ยวโกง SP2 นับ 10 ราย คาดเปิดผลสอบใน 2 สัปดาห์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมอวิชัย” เผยเตรียมแถลงผลสอบไทยเข้มแข็งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ รอรายงานนายกฯรับทราบ ระบุพบความผิดปกติ มีผู้เกี่ยวข้องนับ 10 ทั้งข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ ขณะที่ “วิทยา” เผยคณะกรรมการฯ ไร้ข้อกังขา เชื่อ รมว.สธ.ไม่มีเอี่ยว ไม่รู้เห็น โกงไทยเข้มแข็ง ให้ถ้อยคำตรงไปตรงมา เคลียร์ข้อครหายูวี-แฟน ย้ำเดินหน้าเอสพี 2 ช้าดีกว่าคนโกงสำเร็จ

นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขว่า ขณะนี้ผลการตรวจสอบมีความคืบหน้าเกือบ 90% เหลือผู้ให้ถ้อยคำอีก 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นคณะทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะสามารถสรุปผลการตรวจสอบแล้วเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์นี้อย่างแน่นอน โดยจะส่งรายงานผลการตรวจสอบให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับทราบก่อนจะแถลงผลให้สื่อมวลชนรับทราบ ซึ่งผลสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ปรากฎเป็นข่าวว่ามีมูลหรือไม่ และมีใครเกี่ยวข้องเท่านั้น คงไม่ถึงกับว่าใครมีความผิดอะไร ผิดกฎหมายข้อไหน และลงโทษสถานะใด

“เบื้องต้นผลการตรวจสอบพบว่า มี 2 ส่วน คือ 1 เกี่ยวข้องกับโครงการไทยเข้มแข็งโดยตรง และ 2 ไม่ใช่โครงการไทยเข้มแข็งแต่มีความเกี่ยวโยงกัน คือ มีการจัดซื้อที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องในหลายกรณีก่อนที่จะมีโครงการไทยเข้มแข็งและการจัดซื้อนั้นได้พัวพันมาถึงโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งพบมีผู้เกี่ยวข้องเกิน 10 คนทั้งข้าราชการประจำ นักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองระดับชาติ โดยส่วนที่เป็นโครงการไทยเข้มแข็ง จะเป็นนักการเมืองที่อยู่ในกระทรวงเป็นหลัก ส่วนนักการเมืองท้องถิ่นจะเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อก่อนที่จะมีโครงการไทยเข้มแข็ง” นพ.วิชัย กล่าว

นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า การตรวจสอบแยกเป็น 3 เรื่องหลัก คือ 1.สิ่งก่อสร้าง ซึ่งใช้งบประมาณมากที่สุด กรรมการตรวจพบความผิดปกติหลายเรื่องซึ่งได้แยกหมวดหมู่ของความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง 2.รายการครุภัณฑ์ 5 รายการที่มีปัญหา เช่น มีเครื่องมือ 1 ชิ้น คณะกรรมการได้ตรวจสอบรายละเอียด ได้หลักฐานที่เป็นเอกสารเกี่ยวข้องมากถึง 500-600 แผ่น มีการระบุว่านำเข้าจากต่างประเทศแต่เมื่อถามหาหลักฐานว่านำเข้าจากต่างประเทศจริงหรือไม่ ก็ถูกปฏิเสธบ่ายเบี่ยงไม่ให้หลักฐาน เหมือนกับมีการหลบเลี่ยง ซึ่งคณะกรรมการเชื่อว่าจะเป็นการย้อมแมว 3.รถพยาบาล ยังเหลือการขอหลักฐานอีก 2 ชิ้น จึงจะสามารถสรุปได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ได้เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็ง ต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีนพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน เนื่องจากมีการเปิดเผยหลักฐานที่ระบุว่า นายวิทยา มีนโยบายให้สั่งซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด (ยูวีแฟน) โดยนายวิทยาให้สัมภาษณ์ก่อนการให้ถ้อยคำว่า คณะกรรมการเชิญตนเข้าให้ถ้อยคำโดยไม่ได้ระบุว่าจะสอบถามประเด็นใด เพียงแต่ทำหนังสือเชิญมาเท่านั้น ซึ่งตนไม่ได้เตรียมอะไร และไม่มีเอกสารอะไร เพียงแต่จะตอบตามความเป็นจริงเท่านั้น ส่วนที่คณะกรรมการได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่รพ.ปากพนัง ที่มีการซื้อเครื่องยูวีแฟน ในราคา 9 หมื่นกว่าบาทนั้น ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว

เมื่อเวลา 18.15 น. นายวิทยากล่าวภายหลังการเข้าให้ถ้อยคำกับคณะกรรมาการตรวจสอบเกี่ยวกับโครงการไทยเข็มแข็งของ สธ.ว่า คณะกรรมการฯ มีการสอบถามเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ จึงได้ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่า ก่อนหน้านี้ได้ให้นโยบายการจัดทำงบประมาณ 5 ด้าน คือ 1.ยกระดับสถานีอนามัย เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2.ปรับปรุงโรงพยาบาลชุมชน 3.ปรับปรุงโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ 4.ยกระดับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ และ 5.เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งนี้ ตนไม่ได้เข้าไปล้วงลูกในการจัดทำงบประมาณแต่อย่างใด โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการประจำเท่านั้น ซึ่งมีข้าราชการทำงบประมาณเพียง 54 คนเท่านั้น ซึ่งคณะกรรมการฯ ตั้งข้อสงสัยว่าคนทำงบประมาณน้อยเกินไป

“คณะกรรมการฯ เชื่อว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตและไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย เพราะคณะกรรมการฯ บอกว่า ผมตอบคำถามตรงไปตรงมาดี คิดว่าจากนี้คณะกรรมการฯ คงไม่ติดใจจะขอข้อมูลเพิ่มจากผมอีก และจะใช้ระยะเวลาในการสรุปผลประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะแล้วเสร็จและจะนำเสนอนายกรัฐมนตรี ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ถามว่าผลการสรุปจะช้าไปหรือไม่ ผมได้ตอบว่า ช้าไม่เป็นไร แต่ขอให้หาคนโกงได้สำเร็จ”นายวิทยา กล่าว

นายวิทยากล่าวต่อว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ได้สอบถามถึงเอกสารที่นพ.สุชาติ เลาหบริพัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) ทำขึ้นและมีการอ้างว่า การสั่งซื้อยูวีแฟนเป็นนโยบายของตนนั้น ได้ยืนยันกับที่ประชุมว่า ตนเองไม่มีทั้งเอกสารและวาจาเกี่ยวกับนโยบายในเรื่องนี้ และเอกสารดังกล่าวเป็นการจัดทำขึ้นหลังจากวันที่สั่งให้ตรวจสอบการจัดซื้อในโครงการไทยเข้มแข็งทั้งหมด ซึ่งตนเองได้เห็นเอกสารดังกล่าวครั้งแรกทางหนังสือพิมพ์ ดังนั้น คนปล่อยเอกสารตั้งใจทำให้เกิดความเสียหาย แต่ก็ไม่คิดจะดำเนินคดี เพราะใครที่ทำเวรกรรมอะไรไว้ก็จะต้องได้รับผลตอบแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น