คกก.สอบโกง SP2 สธ.รับแปลกใจเอกสารสั่งซื้อยูวีแฟนพาดพิงถึง “วิทยา” แต่เจ้าตัวไม่รู้ แถมไม่มีใครรายงานทั้งที่เป็นข่าวครึกโครม เตรียมนำทีมลงพื้นที่เมืองคอนบ้านเกิด ลุยหาความผิดปกติ 4 ธ.ค.นี้
วันนี้ (30 พ.ย.) นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า วันนี้ (30 พ.ย.) คณะกรรมการฯ ได้เชิญผู้ให้ถ้อยคำเพิ่มจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) และนางสุภรดา รอดอาตม์ กลุ่มแผนและประเมินผล สบภ. โดยทั้ง 4 คน ได้ตอบรับว่าจะเข้าให้ถ้อยคำ โดยคณะกรรมการฯ จะสอบถามเกี่ยวกับเอกสารชิ้นสำคัญที่ระบุว่าการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด (ยูวีแฟน) เป็นนโยบายของนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
“คณะกรรมการฯ จำเป็นต้องทำความชัดเจนให้ปรากฏว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร การจะสรุปประเด็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับท่านด้วย แต่จะเชิญคุณวิทยามาให้ถ้อยคำเป็นรายสุดท้าย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเชิญที่แน่นอน” นพ.วิชัย กล่าว
นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการฯ นำโดยนพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานกรรมการฯ จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่จ.นครศรีธรรมราช ด้วยโดยจะเริ่มต้นตรวจสอบที่โรงพยาบาล จ.นครศรีธรรมราช แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะตรวจสอบในประเด็นใด
เมื่อถามว่านายวิทยา เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยเห็นเอกสารที่พาดพิงถึงตนมาก่อน นพ.วิชัย กล่าวว่า อาจจะเป็นไปได้ เพราะเอกสารชิ้นนี้มี นพ.สุชาติ เป็นผู้ร่างเอกสารส่งถึงปลัด สธ. เพื่อขอยกเลิกการจัดซื้อยูวีแฟน แต่สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กลับตีเรื่องกลับและขอให้ทบทวนการจัดซื้อยูวีแฟนแทน โดยให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นหนังสือฉบับนี้จึงไม่ถึงนายวิทยา
“เป็นเรื่องแปลกที่มีการพาดพิงถึงรมว.สธ.ตรงๆ ซึ่งต้องกระทบต่อตัวท่าน แต่ทำไมไม่มีการแจ้งให้ รมว.สธ.รับทราบ ซึ่งตามหลักการแล้วถือเป็นการพาดพิงที่ชัดเจน มีข่าวออกครึกโครม ผู้เกี่ยวข้องจะต้องมีการรายงานให้ท่านทราบ คณะกรรมการฯ ต้องหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจน” นพ.วิชัย กล่าว
นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญคณะกรรมการฯ ไม่เคยได้เอกสารชิ้นนี้มาก่อน โดยได้จากผู้เข้าให้ถ้อยคำรายหนึ่ง แต่ผู้ให้ถ้อยคำคนดังกล่าว ก็ไม่มีการชี้ประเด็นให้คณะกรรมการฯ รับทราบว่าเป็นเอกสารสำคัญที่พาดพิงถึงนายวิทยา คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบเอกสารเองในภายหลังจึงทราบว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ จึงต้องมีการตรวจสอบหาความจริง ซึ่งคณะกรรมการฯ ยังไม่มีการตั้งธงว่า เอกสารชิ้นนี้เป็นของปลอมหรือไม่ หรือนายวิทยาถูกวางยา เพราะมีความเป็นไปได้ทุกอย่าง
