xs
xsm
sm
md
lg

คกก.SP2 เผยพบซื้อยูวีแฟนแพงลิบ ได้งบอันดับ 2 ของประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.วิชัย โชควิวัฒน


คณะกรรมการสอบทุจริตไทยเข้มแข็ง สธ.เตรียมลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช 4 ธ.ค.นี้ เน้นสอบซื้อยูวีแฟน เผยพบราคาแพงลิบ 9 หมื่นกว่าบาทต่อเครื่อง แถมได้งบประมาณสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ด้านปลัดสธ.เรียก "หมอเกรียงศักดิ์" คุยอีกรอบเคลียร์ความเห็นไม่ตรงคณะกรรมการทบทวนฯ

วานนี้ (2 ธ.ค.) นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน กล่าว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯ สามารถสรุปประเด็นเกี่ยวกับเอกสารที่ระบุว่านายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายสั่งให้จัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด(ยูวีแฟน) แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยผู้ให้ถ้อยคำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้ง 4 ราย ประกอบด้วยนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานบริหารสาธารรสุขภูภาค(สบภ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโบายและยุทธศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ สบภ.อีก 1 คน ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควร

นพ.วิชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าให้ถ้อยคำเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณลง จ.ราชบุรี โดยกรรมการได้ซักถามนานร่วม 1 ชั่วโมง ทั้งเรื่องเสนอของบประมาณ และรายการสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งนายมานิต ได้นำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาให้คณะกรรมการค่อนข้างมากด้วย อย่างไรก็ตาม วานนี้ (2 ธ.ค.) คณะกรรมการได้ยกเลิกการประชุม เนื่องจากผู้เข้าให้ถ้อยคำซึ่งเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของ นายมานิต ได้ขอเลื่อนให้ถ้อยคำออกไปก่อน

“คณะกรรมการต้องเตรียมข้อมูลเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ด้วย โดยจะตรวจสอบเรื่องจัดซื้อยูวีแฟนเป็นหลัก เพราะโรงพยาบาลในจ.นครศรีธรรมราช ได้เคยจัดซื้อยูวีแฟนไปก่อนหน้านี้ในราคาแพงประมาณ 90,000 กว่าบาท และไม่ใช่สินค้าของบริษัทก่อเกียรติ ซัพพลาย ที่เสนอขายในราคาเครื่องละ 40,000 บาทด้วย รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการจัดสรรงบประมาณที่จ.นครศรีธรรมราช ได้งบประมาณสูงเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศด้วย” นพ.วิชัย กล่าว

ด้าน นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ตามที่ สธ.ได้มีหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอความเห็นชอบให้ยืดเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งเป็นหนี้ผูกพันในโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ไปอีก 1-2 เดือน เนื่องจาก สธ.ต้องการให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ที่มี นพ.บรรลุ เป็นประธาน ได้ตรวจสอบแล้วเสร็จก่อน รวมถึงในส่วนของ สธ. เองก็จะดำเนินการตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย

นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า โดยในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ตนจะร่วมประชุมกับคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ที่มี นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ.เป็นประธาน เพื่อทบทวนผลการตรวจสอบในส่วนของ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 หรือไทยเข้มแข็งระยะที่ 1 วงเงิน 1.15 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมียังมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่ โดยได้เชิญนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่ได้ลาออกจากคณะกรรมการไปแล้ว มารวมด้วย เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะมีการแก้ไขทั้งรายการครุภัณฑ์ และวงเงินอย่างไรบ้าง

“ปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.สุดท้ายแล้วผมที่เป็นปลัด สธ.คงจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะผู้เซ็นหนังสืออนุมัติโครงการมีอยู่เพียง 2 คน คือ ไม่ผมก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงต้องตรวจสอบให้ดีที่สุด” ปลัด สธ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปลัด สธ.ได้เข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการฯ ชุดนพ.บรรลุ เป็นประธาน ได้สอบถามประเด็นใดบ้าง นพ.ไพจิตร์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า โดยมารยาทคงให้รายละเอียดไม่ได้ ต้องสอบถาม นพ.บรรลุ จะเหมาะสมกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น