“วิทยา” ปฏิเสธไม่รู้เรื่องจัดซื้อยูวีแฟน ท้าคณะกรรมการตรวจสอบฯ เรียกให้ข้อมูล เตือนอย่าโยงจนทำให้คนถูกพาดพิงเสียคน ปลัด สธ.เตรียมปรับหน่วยงานขนานใหญ่ ยุบสำนักบริหารโครงการไทยเข้มแข็ง ให้เป็นโครงการพิเศษภายใต้ สบภ.
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ได้หลักฐานชิ้นสำคัญจาก นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานบริหารสาธารณสุขภูมิภาค เป็นหนังสือขอให้ยกเลิกการจัดซื้อยูวีแฟน โดยระบุชัดเจนว่าเป็นนโยบายของ รมว.สาธารณสุข ให้จัดซื้อว่า ขอยืนยันว่า ยังไม่เคยเซ็นคำสั่งให้จัดซื้อจัดจ้างใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยมีนโยบายดังกล่าว ซึ่งขณะที่มีการจัดซื้อยูวีแฟน ตนยังไม่รู้จักเครื่องมือดังกล่าวด้วยซ้ำ ซึ่งต้องดูว่ามีการอ้างเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเพราะเหตุใด โดยส่วนตัวแล้ว อยากให้มีการสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจนที่สุด ซึ่งตนพร้อมจะเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการอย่างเต็มที่ หากมีการเชิญมาพร้อมจะไปทันทีไม่มีอิดเอื้อน แต่ที่สำคัญ คือ คนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ต้องพูดความจริง อย่าโกหก เพราะคนโกหกต้องติดคุก
“อยากให้กรรมการตรวจสอบให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ปัญหาเรื่องนี้เริ่มต้นที่มีนักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต สุดท้ายก็ต้องจบให้ลงว่านักการเมืองเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการต้องชี้แจงให้ละเอียด ไม่ใช่ตั้งตุ๊กตาขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย อย่าเล่นโยงแบบ 20 คำถาม ทำให้คนถูกพาดพิงเกิดมลทิน เพราะหากบทสรุปแล้วไม่มีอะไรเลย คนที่ถูกกล่าวหาก็เสียคน”นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ นพ.สุชาติ ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เคยเรียก นพ.สุชาติ มาประชุมพร้อมกับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลโครงการไทยเข้มแข็งทั้งหมดเพียงครั้งเดียว เพื่อชี้แจงเรื่องการเสนอของบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง และเป็นการหารือก่อนที่จะพบว่ามีปัญหาส่อไปในทางทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า นพ.สุชาติ เป็นหนึ่งในคณะทำงานของ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา กล่าวว่า ไม่ทราบ และ นางศิริวรรณ ก็ไม่ได้รายงานให้ตนทราบด้วย เพราะใครก็มีสิทธิเข้ามาเป็นคณะทำงานทั้งนั้น เพียงแต่ต้องไม่เรียกมาทำงานเพื่อให้โกง
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานสรุปผลการทบทวนโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ในส่วนของการใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินและฟื้นฟูเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จำนวนงบ 1.15 หมื่นล้านบาท จากคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสม และแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ที่มี นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ.เป็นประธาน ทั้งนี้ หากรายงานการสรุปผลของคณะกรรมการ โดยเฉพาะในส่วนของวงเงินค่าก่อสร้างอาคารหอพักพยาบาล 24 ยูนิต มีเหตุผลที่อธิบายได้ถึงหลักเกณฑ์ในการตั้งวงเงินดังกล่าว ก็จะพิจารณาเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เนื่องจากขณะนี้ล่าช้ามามากแล้ว
“ผมจะพิจารณาจากเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการ และเหตุผล วิธีการในการคิดราคากลางค่าก่อสร้างดังกล่าว หากมีหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องก็เดินหน้าได้เลย แต่ก็ต้องให้เครดิต นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ ที่เสนอราคากลางต่ำกว่าราคาของคณะกรรมการส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งผมก็จะนำรายละเอียดของ นพ.เกรียงศักดิ์ มาดูด้วยว่า สมเหตุสมผลหรือไม่และเสนอโดยยึดหลักการใด”นพ.ไพจิตร์ กล่าว
ทั้งนี้ นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า จะดำเนินยุบสำนักงานบริหารโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้กลายเป็นเพียงโครงการพิเศษหนึ่งที่อยู่ภายใต้สำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) เท่านั้น เช่นเดียวกับการโยกกองโรงพยาบาลและกองสาธารณสุขมาอยู่ภายใต้ สบภ.เพื่อให้กองโรงพยาบาลทำหน้าที่ประสานงานกับโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป และกองสาธารณสุขดูแลโรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัย โดยคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือน