หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในโครงการไทยเข้มแข็งในกระทรวงสาธารณสุข ใช้เวลารวบรวมหลักฐานสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 2 เดือน ล่าสุด ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นพบว่า การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขไม่มียุทธศาสตร์ ขาดหลักเกณฑ์ กระจายการลงทุนอย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งเปิดช่องให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องมีทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ และอดีตข้าราชการ
ในส่วนของข้าราชการ คณะกรรมการกลางพบว่านายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรจะรับผิดชอบโครงการด้วยตัวเอง กลับมอบให้แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงฯ ด้านบริหาร เป็นผู้ดูแลแทน และมีหลักฐานว่าทั้งสองคนมีส่วนโดยตรงในการสั่งบรรจุคำของบประมาณจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน รวมถึงพฤติกรรมของผู้อำนวยการกองแบบแผน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาสิ่งก่อสร้างที่สูงเกินจริง
ขณะที่กรมการแพทย์มีการขอจัดซื้อครุภัณฑ์ที่มีราคาแพง โดยไม่มีการประเมินความจำเป็น
ส่วนนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องจากสมัยที่เป็นรองปลัดฯ ดูแลสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้าราชการในท้องถิ่นอีกหลายคนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการไทยเข้มแข็ง
สำหรับนักการเมือง คณะกรรมการกลางระบุว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่อาจปัดความรับผิดชอบกรณีปล่อยให้เกิดความบกพร่อง ส่อเจตนาทุจริต และอาจมีส่วนทั้งทางตรงและโดยอ้อมกับการสั่งซื้อเครื่องยูวีแฟน และแม้จะไม่ได้รับผิดชอบโครงการนี้ แต่พฤติกรรมของนายมานิต นพอมรบดี ซึ่งก้าวก่ายและกดดันให้มีการจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ตัวเอง ก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นได้
นอกจากนั้น ในส่วนเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับการผลักดันการจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน และรถพยาบาล
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้กฎเหล็ก 9 ข้อ ดำเนินการกับนักการเมือง รวมถึงข้าราชการ โดยพิจารณาว่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาหรือไม่ รวมทั้งให้พิจารณาทบทวนโครงการดังกล่าวใหม่ทั้งหมด
ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ข้อสรุปของคณะกรรมการกลางเป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองที่รุนแรง ทั้งที่โครงการดังกล่าวยังไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น พร้อมกันนี้จะหารือกับนายมานิต และจะชี้แจงเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี และหากพบว่าตนเองมีส่วนทำให้เกิดการทุจริตจริง ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ
ในส่วนของข้าราชการ คณะกรรมการกลางพบว่านายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรจะรับผิดชอบโครงการด้วยตัวเอง กลับมอบให้แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงฯ ด้านบริหาร เป็นผู้ดูแลแทน และมีหลักฐานว่าทั้งสองคนมีส่วนโดยตรงในการสั่งบรรจุคำของบประมาณจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน รวมถึงพฤติกรรมของผู้อำนวยการกองแบบแผน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาสิ่งก่อสร้างที่สูงเกินจริง
ขณะที่กรมการแพทย์มีการขอจัดซื้อครุภัณฑ์ที่มีราคาแพง โดยไม่มีการประเมินความจำเป็น
ส่วนนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องจากสมัยที่เป็นรองปลัดฯ ดูแลสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้าราชการในท้องถิ่นอีกหลายคนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการไทยเข้มแข็ง
สำหรับนักการเมือง คณะกรรมการกลางระบุว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่อาจปัดความรับผิดชอบกรณีปล่อยให้เกิดความบกพร่อง ส่อเจตนาทุจริต และอาจมีส่วนทั้งทางตรงและโดยอ้อมกับการสั่งซื้อเครื่องยูวีแฟน และแม้จะไม่ได้รับผิดชอบโครงการนี้ แต่พฤติกรรมของนายมานิต นพอมรบดี ซึ่งก้าวก่ายและกดดันให้มีการจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ตัวเอง ก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นได้
นอกจากนั้น ในส่วนเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับการผลักดันการจัดซื้อเครื่องยูวีแฟน และรถพยาบาล
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้กฎเหล็ก 9 ข้อ ดำเนินการกับนักการเมือง รวมถึงข้าราชการ โดยพิจารณาว่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาหรือไม่ รวมทั้งให้พิจารณาทบทวนโครงการดังกล่าวใหม่ทั้งหมด
ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ข้อสรุปของคณะกรรมการกลางเป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองที่รุนแรง ทั้งที่โครงการดังกล่าวยังไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น พร้อมกันนี้จะหารือกับนายมานิต และจะชี้แจงเรื่องนี้ต่อนายกรัฐมนตรี และหากพบว่าตนเองมีส่วนทำให้เกิดการทุจริตจริง ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ
