xs
xsm
sm
md
lg

สับแหลก “หลักสูตรเพศศึกษา” มั่วผสมสุขศึกษาทำเด็กสับสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
รุมสับหลักสูตรเพศศึกษาไทย ชี้ ต้องจัดใหม่ เหตุหลักสูตรอ่อน ขาดแคลนครูสอนได้จริง ถูกจับรวมวิชาสุขศึกษาจนเด็กไม่เข้าใจเอาไปใช้จริงไม่ถูก พบวัยรุ่น วุฒิภาวะน้อย ไม่เข้าใจตัวเอง แนะพ่อแม่ ครู เปิดใจรับฟังเด็กอย่ามีอคติ


วันนี้ (26 พ.ย.) ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ ศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ และ แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุมเรื่อง “เพศวิถีศึกษากับเพศวิถีปฏิบัติในสังคมไทย ครั้งที่ 2” โดยนายธวัชชัย พาชื่น เจ้าหน้าโครงการองค์การแพธประเทศไทย (PATH Thailand) กล่าวถึงการศึกษาเรื่อง “เห็นแล้วอยากมีลูกไหม?” : เพศศึกษาในระบบการศึกษาไทย ว่า จากประสบการณ์การทำงานติดตามและสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษารอบด้านสำหรับเยาวชนในโครงการ “ก้าวย่างอย่างเข้าใจ” ภายใต้โครงการ “ACHIEVED” ของโครงการกองทุนโลก ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยพบว่า การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนยังไม่ครอบคลุมทุกด้านไม่สามารถพัฒนาองค์ความรู้ของเด็ก เยาวชน ได้มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเยาวชนเรื่องเพศให้เข้าใจอย่างถูกต้อง และนำไปปฏิบัติใช้ได้จริง

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ปัญหาเกิดจากการขาดแคลนครูด้านเพศศึกษาที่เปิดใจ และการจัดกลุ่มวิชาเรียนรวมกับสุขศึกษา ตามมาตรฐานสากล การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนกำหนดให้เด็กนักเรียนควรได้เรียนเพศศึกษาอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 16 ชั่วโมง (คาบเรียน) ต่อภาคเรียน เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศได้อย่างถูกต้อง ขณะที่โครงการก้าวอย่างอย่างเข้าใจ ได้เสนอให้โรงเรียนต่างๆ กำหนดให้เรียนเพศศึกษาภาคเรียนไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง รวม 1 ปีการศึกษา เด็กจะได้เรียนเพศศึกษาอย่างน้อย 16 ชั่วโมง ซึ่งในทางปฏิบัติ สามารถทำได้จริงเพียง ภาคเรียนละ 3-7 ชั่วโมงเท่านั้น

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ระบบการเรียนการสอนของไทย ครู อาจารย์ ยังเน้นการสอนแบบท่องจำ นักเรียนมีหน้าที่ฟังและเอาไปปฏิบัติ นักเรียนไม่ได้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ จึงทำให้ขาดการมีส่วนร่วม ไม่ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งสอดคล้องกับการที่ครูบางคนยังขาดวุฒิภาวะ ครูบางคน ใช้อารมณ์กับเด็ก การตวาดใช้เสียงดัง ทำให้เด็กไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่กล้าถามครู ดังนั้น ครูสุขศึกษา ครูแนะแนว ควรจะมีบุคลิกท่าทีที่เป็นมิตร และพร้อมจะรับฟังเด็กนักเรียนด้วย และผู้บริหารโรงเรียนควรมีนโยบายสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการเนื้อหาเรื่องเพศศึกษาเข้ากับวิชาอื่นๆ เป็นต้น

น.ส.แววรุ้ง สุบงกฎ นักวิจัยอิสระ กล่าวว่า จากการศึกษา “รักอย่างไร ที่วัยรุ่นต้องการ” พบว่า เด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ยังเป็นกลุ่มประชากรที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจในทุกเรื่อง ยังเป็นวัยที่แสวงหาตัวตน และสนใจเรียนรู้เรื่องความรัก ความปรารถนาในรูปแบบต่างๆ และแสวงหาคำตอบในเรื่องรอบตัว ทั้ง การเรียน เพื่อน ความรัก และเรื่องเพศ ดังนั้น พ่อแม่ ครู อาจารย์ และเพื่อน จึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะส่งเสริม สนับสนุนให้คำแนะนำ ปรึกษาที่ถูกต้องได้ เพื่อให้วัยรุ่นมีความเชื่อมั่นเลือกทางเดินที่ไม่เบียดเบียนทำร้ายตนเองและผู้อื่นได้

“ต้องยอมรับว่า เด็กแต่ละคนมีความหลากหลายทั้งในด้านต้นทุนชีวิต วิถีปฏิบัติ ที่ผ่านการหล่อหลอมผ่านการเลี้ยงดูของพ่อ แม่ ผู้ปกครอง รวมถึงอิทธิพลของเพื่อน สังคม และสื่อต่างๆ ส่งผลให้เยาวชน วัยรุ่นแต่ละคนมีวิธีคิด การแสดงออกที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ใหญ่ที่จะช่วยแก้ปัญหาด้านต่างๆ ได้นั้นจะต้องเปิดใจให้กว้าง ไม่มีอคติ เพื่อให้เด็กไว้ใจมาขอคำปรึกษาได้” น.ส.แววรุ้ง กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น