xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! ผลวิจัยการศึกษาไทยปี 51 ใช้งบสูง ผลสัมฤทธิ์ต่ำ ออกกลางคันอื้อ ป.ตรีล้นตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เผยผลวิจัยสภาวะการศึกษาไทยปี 51-52 พบเด็กปฐมวัย 60% ไม่ได้เรียน ขณะที่ ม.ปลาย 64% ได้เรียนต่ำ เหตุออกกลางคัน ยากจน งบประมาณด้านการศึกษาสูงแต่ไม่มีประสิทธิภาพ ระบุภาคแรงงานเกินครึ่งมีระดับการศึกษาแค่ชั้นประถม คนว่างงานเกือบล้าน เป็นผู้จบ ป.ตรี มากสุดถึง 2 แสนคน แสดงถึงการผลิตคนไม่ตรงกับงาน เผยคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกระดับ เฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ภาษาไทยยังน่าห่วง ติงควรประเมินการสอนครูได้เพิ่มเงินวิทยฐานะ แนะประชาชนตั้งพันธมิตรเพื่อการพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

วันนี้(11 ส.ค.) ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลช สำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) จัดการสัมมนาเรื่อง สภาวะการศึกษาไทย ปี 2551-2552 “การศึกษากับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม” โดย รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในการนำเสนอผลการศึกษาวิเคราะห์และวิจัยเรื่องสภาวะการศึกษาไทยปี 2551-2552 “การศึกษากับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม” ว่า บทบาทของการศึกษาต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาการเมืองไทยมีความขัดแย้งแบบ 2 ขั้ว และมีความไม่มั่นคงสูง สังคมมีปัญหาความขัดแย้ง เอาเปรียบ ฉ้อฉลเพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตตกต่ำ เด็กและเยาวชนมีปัญหา ทำให้การด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเมือง และการศึกษาต่างมีอิทธิพลต่อกันแบบงูกินหาง ในการจัดการศึกษา งบประมาณ และระดับการศึกษาของแรงงาน จะเห็นว่าสัดส่วนของผู้เรียนต่อประชากรในทุกระดับการศึกษาในปี 2552 เพิ่มขึ้นจากปี 2550 - 2551 เล็กน้อย โดยระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มจาก 79.89% เป็น 81.29% ของประชากรวัยเรียน ซึ่งยังมีประชากรวัย 3 - 17 ปีที่ไม่ได้เรียนอีกประมาณ 2.76 ล้านคน หรือคิดเป็น 18.71% ของประชากรในวัยเดียวกัน ที่มีราว 14.79 ล้านคน โดยมีจุดที่น่าสังเกต คือ เด็กที่เข้าเรียนชั้น ป.1 ในปี 2540 ได้เรียนถึงชั้น ม.6 และ ปวช.3 ในปี 2551 เพียง 47.2% ส่วนที่เหลือกว่าครึ่งหรือประมาณ 5.2 แสนคน ออกกลางคัน ขณะที่เด็กอายุ 3-5 ปี ก็มีโอกาสได้เรียนน้อยและมีสัดส่วนที่ลดลงในรอบ 5 ปี


“นอกจากนี้ปัญหาอื่นๆ อยู่ที่การจัดการศึกษา โดยสถานศึกษาภาครัฐมีมากว่าภาคเอกชน ถึง 80.9 : 19.1 ชั้นมัธยมสายสามัญ สูงกว่าอาชีวะ 61 : 39 และอุดมศึกษาสายสังคมสูงกว่าสายวิทย์ 70 : 30 ตรงนี้สะท้อนว่าการที่จะจัดการศึกษาให้เท่าเทียมกันในการปฏิรูปการศึกษายังทำอย่างไม่จริงจัง” รศ.วิทยากร กล่าว

รศ.วิทยากร กล่าวต่อว่า องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจัดการศึกษาได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.57 ล้านคน เป็น 1.87 ล้านคน ส่วนใหญ่คือการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ส่วนการศึกษานอกระบบโรงเรียนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกันจาก 3.89 ล้านคน เป็น 3.92 ล้านคน ซึ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานก็อยู่ในเกณฑ์ต่ำเช่นกัน ด้านงบการศึกษาในปี 2552 ยังสูงเทียบได้กับ 20% ของงบประมาณทั้งหมด แต่ประสิทธิภาพการใช้จ่ายอยู่ในเกณฑ์ต่ำ หากเทียบกับจีน เกาหลีใต้ ที่ใช้งบการศึกษาต่ำกว่าไทย แต่เด็กได้เรียนชั้นมัธยมศึกษามากกว่า และผลสัมฤทธิ์โดยเฉลี่ยก็ดีกว่า ด้านของแรงงานในประเทศไทยที่มี 54.2% ราว 20.11 ล้านคนของแรงงานทั้งหมด 37 ล้านคน พบมีการศึกษาแค่ระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า เนื่องจากปัญหาการออกเรียนกลางคัน ทำให้สัดส่วนแรงงานที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ที่ 13.7% ของแรงงานทั้งหมด สำหรับผู้ว่างงานที่มีกว่า 8.2 แสนคนนั้น จบปริญญาตรีมากที่สุดถึง 2 แสนคน แสดงให้เห็นถึงการผลิตคนที่ไม่ตรงตามความต้องการของตลาดงาน

คุณภาพสถานศึกษาต่ำ-ภาษาไทยแย่
ด้านการประเมินคุณภาพ ประสิทธิภาพ การศึกษาโดย สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และ สกศ. พบด้วยว่า เด็ก 3-5 ปี ซึ่งเป็นวัยอนุบาล มีโอกาสได้เรียนน้อย และสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีมีน้อย คุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานในทุกระดับมีความแตกต่างกันสูง ทำให้คะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เช่น คะแนนจากการทดสอบในระดับช่วงชั้น ป.6 ม.3 ม.6 วิชาส่วนใหญ่ได้เฉลี่ยต่ำกว่า 50% และตกต่ำลงจาก 5 ปีก่อน ซึ่งที่น่าห่วงคือ วิชาภาษาไทยอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก ทั้งการอ่านออก เขียนได้ ซึ่งวิชานี้เป็นพื้นฐานเพื่อความเข้าใจวิชาอื่นๆ หากภาษาไทยอ่อนวิชาอื่นก็จะอ่อนตามไปด้วย และจากการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 2 ของ สมศ.พบสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองได้คะแนนดีกว่ารอบแรก แต่ความสามารถของผู้เรียน การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ ยังคงได้คะแนนต่ำอยู่


“การที่นักเรียนไทยมีผลสัมฤทธิ์ต่ำ เรามักมองไปที่ปัญหาเรื่องการขาดแคลนครูโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ นั่นคงเป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่สำหรับวิชาภาษาไทย สังคมศึกษาก็อ่อนตามไปด้วยแสดงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นต้องมาจากการสอน และการเรียนที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ และการที่เพิ่มเงินวิทยฐานะให้ครูนั้นแปลว่าไม่มีใครคอยประเมินเลยว่าเพิ่มเงินให้แล้วครูมีการพัฒนาคุณภาพการสอนของตัวเองให้ดีขึ้นหรือไม่” รศ.วิทยากร กล่าว

รศ.วิทยากร กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการเรียนฟรี 15 ปีนั้น อยากให้เปลี่ยนชื่อเป็นการช่วยออกค่าใช้จ่าย 5 อย่างสำหรับทุกคน เพราะไม่ได้ช่วยคนจนอย่างแท้จริง และต้องพัฒนาครูและระบบโรงเรียนให้ช่วยแก้ปัญหาเด็กที่มีแนวโน้มจะออกกลางคันให้ได้มากขึ้น ด้านการวางแผนผลิตกำลังคนนั้นยังขาดการสนองทางเศรษฐกิจ เช่นชั้นมัธยมศึกษาสายสามัญ อุดมศึกษาด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์มีมากเกินไป บางระดับ บางประเภทเช่น ช่าง อาชีวศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ยังขาดแคลนอยู่

แนะตั้งพันธมิตรเพื่อพัฒนาการศึกษา
รศ.วิทยากร กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นคอขวดของการปฏิรูปการศึกษานั้น ต้องเปลี่ยนการศึกษาแบบแพ้คัดออก เป็นการจัดการศึกษาแบบยืดหยุ่น ทั่วถึง มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาคนทั้งประเทศอย่างเต็มที่ และปรับโครงสร้างอำนาจการบริหารแบบรวมที่ศูนย์กลางเป็นสำนักงานคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาที่มีภาคี 3 ฝ่ายคือ ศธ. ภาคประชาชน ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในฐานนะผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลดอำนาจผูกขาดและวิธีบริหารแบบสั่งการจากบนลงล่าง พร้อมทั้งปฏิรูปครูอาจารย์ให้เป็นครูแนวใหม่ รักการอ่านและการวิจัย สอนให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์เป็น สำหรับการจัดหางบประมาณทางการศึกษาเพิ่มนั้นอยากให้มีการเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า เพิ่มสัมปทานคลื่นความถี่ ภาษีบาป โดยจัดสรรอย่างเป็นธรรม โปร่งใส เช่น เพิ่มให้โรงเรียนระดับปฐมวัย โรงเรียนชนบท และชุนแออัด

“ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย อย่างการรวมตัวของภาคประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนทางการเมืองได้ บางครั้งกลุ่มคนด้านการศึกษาอาจต้องมีการรวมตัวกันในนามของพันธมิตรเพื่อการพัฒนาการศึกษาก็เป็นได้ เพื่อการศึกษาจะได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น”คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น