มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ จี้กรมอนามัย ปรับสูตรยาต้านไวรัสเอดส์ในหญิงตั้งครรภ์ ชี้ ช่วยลดการดื้อยาและอัตราการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ห่วงอัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ท้อง 2 เริ่มเพิ่ม เหตุมาตรการคัดกรองเข้มงวดเฉพาะท้องแรก
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ขณะนี้พบปัญหาสตรีตั้งครรภ์เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะถ่ายถอดเชื้อจากแม่สู่ลูก และมีโอกาสดื้อยาสูง โดยแต่ละปีสตรีตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวีมากถึง 7,000 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 20 เป็นเชื้อไอชไอวีที่ดื้อยาต้านไวรัสสูตรขั้นพื้นฐานหรือจีพีโอเวียร์ ส่งผลให้ต้องปรับสูตรยาไปใช้ยาสูตรสำรอง คือ โลพินาเวียร์ผสมริโทนาเวียร์ เป็นยาสูตรผสม 3 ตัว ได้แก่ เนวิลาปีน (Nevirapineหรือ NVP) + ลามิวูดีน (Lamivudine หรือ 3Tc) + สตาวูดีน (Stavudine หรือ d4T) ซึ่งมีราคาแพงกว่า
นายนิมิตร์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา มีผลการศึกษาพบว่า สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี หากกินยาต้านไวรัสสูตรสำรอง จะช่วยป้องกันการดื้อยา และลดโอกาสการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้เหลือเพียง ร้อยละ 1 เท่านั้น ทางเครือข่ายผู้ติดเชื้อ จึงได้พยายามเรียกร้องสิทธิ์ให้กับสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อให้ได้รับยาต้านไวรัสสูตรสำรองทันที เพื่อลดความสูยเสียต่างๆ แต่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องแม่และเด็ก กลับอ้างว่าหน่วยบริการไม่มีความพร้อม การปรับสูตรยาเป็นเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้ ยังพบว่าอัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ท้องที่ 2 เป็นต้นไป เริ่มมีอัตราเพิ่มมากขึ้น เพราะการตรวจเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ทำอย่างเข้มข้นเฉพาะการตั้งครรภ์ครั้งแรก
“กรมอนามัยควรให้ความสำคัญการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกมากกว่านี้ เพราะจากการสำรวจความพร้อมของสถานพยาบาล ผู้เชี่ยวชาญ ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) โดยทำโครงการนำร่องใน 4 จังหวัด ให้ยาสูตรสำรองกับหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ ก็พบว่า หน่วยบริการต่างๆ มีความพร้อม และเห็นด้วยในการปรับสูตรยาของหญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการดื้อยาและโอกาสในการถ่ายทอดเชื้อไปสู่ลูก” นายนิมิตร์ กล่าว
นายนิมิตร กล่าวต่อว่า ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี จะเดินทางไปเรียกร้องต่อกรมอนามัย เพื่อให้พิจารณาปรับสูตรยาต้านไวรัสพื้นฐานของหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไอชไอวี ซึ่งการปรับสูตรยาดังกล่าวไม่มีผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ เพราะยาต้านไวรัสเอดส์ทั้งสูตรพื้นฐาน และสูตรสำรอง สธ.ได้ประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรโดยรัฐ(ซีแอล) แล้ว ทำให้ยามีราคาถูกมากผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น ประกอบกับ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สปสช.ได้มีมติให้เพิ่มสิทธิให้แก่หญิงตั้งครรภ์ได้ยาสูตรสำรองทันทีแล้ว แต่กรมอนามัยยังไม่ยอมปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การทานยาต้านไวรัสสูตรสำรองของหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อจะใช้การวัดระดับเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกันโรค หรือซีดีโฟร์ (CD4) หากมีระดับต่ำกว่าร้อยละ 350 ต้องทานยาต้านไวรัสสูตรสำรองในวันแรกที่อายุครรภ์ครบ 9 เดือน และทานยาติดต่อจนกว่าจะคลอดแล้วจึงหยุดทานยา เพื่อปรับไปยาทานสูตรพื้นฐาน ส่วนผู้ที่มีค่าซีดีโฟร์ ต่ำกว่าร้อยละ 350 ต้องทานยาสูตรสำรองต่อเนื่องไปตลอด