นายกฯ รับต้องปรับระบบกระจายยาต้านหวัด 2009 ให้คนติดเชื้อเข้าถึงยาเร็วขึ้น วอนฝ่ายค้านอย่าหยิบประเด็นเล่นการเมือง
วันนี้ (26 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่พบว่ามีเด็กในครรภ์ติดเชื้อดังกล่าวจากแม่ว่า ขณะนี้หญิงตั้งครรภ์ 7 เดือนคนดังกล่าวได้รับการดูแลอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งจะมีการติดตามดูว่ามีการถ่ายทอดเชื้อหรือไม่อย่างไร ส่วนการติดตามด้านสาธารณสุขนั้น ปัญหาใหญ่ที่สุดคือระบบการกระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพราะจำเป็นต้องให้ยาตัวนี้แก่ผู้ติดเชื้อได้เข้าถึงให้เร็วขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเกินวันที่ 2 และ 3 หลังจากที่เริ่มมีอาการ ทั้งนี้ มีหลายส่วนในภูมิภาคที่ไม่สามารถจ่ายยาตัวนี้ได้อยู่ จึงต้องมีการปรับแก้ โดยต้องอยู่บนความพอดี เพราะผู้เชี่ยวชาญไม่อยากปล่อยยาตัวนี้ให้ถูกนำไปใช้อย่างไม่จำเป็น เนื่องจากจะมีความเสี่ยงเรื่องดื้อยาตามมา ซึ่งบางประเทศเริ่มเจอแล้วแต่ยังไม่รุนแรงมากนัก
อย่างไรก็ตาม จากการที่ตนได้คุยกับ นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อช่วงเช้า ซึ่งบอกว่าระบบการกระจายยาคงต้องไปที่คลินิกด้วย โดยต้องมีวิธีการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงยาได้เร็วขึ้น เพราะผู้เสียชีวิตหลายรายที่เราตามอยู่ ได้รับยาหลังจากที่เริ่มมีอาการได้ 6-7 วันแล้ว และบางครั้งเคยได้รับการรักษาพยาบาล 1-2 ครั้งวนเวียนอยู่ในที่ที่ไม่มียาตัวนี้ ทั้งนี้ เรามีการสำรองวัคซีนและยาดังกล่าวแล้ว ซึ่งอาจได้ไม่เท่าประเทศที่มีกำลัง แต่เราคิดว่าเพียงพอ
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตนคิดว่าความเข้าใจของประชาชนในเรื่องดังกล่าวดีขึ้น ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม แต่ละที่ต้องใช้ดุลยพินิจ เช่น โรงเรียนที่มีการปิดอยู่หลายแห่ง เขาต้องดูสถานการณ์ของแต่ละที่ไป ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้วมากกว่าที่จะให้รัฐบาลประกาศว่าทุกคนต้องปิดหรือเปิด หรือห้ามทำสิ่งใด ทั้งนี้ ตนขอย้ำว่าเราต้องบริหารจัดการและต่อสู้กับเรื่องนี้ยาวไปจนถึงปีหน้า ตัวเลขตอนนี้ในประเทศที่มีการรายงานอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าการติดเชื้อเพิ่มขึ้นกำลังอยู่ในอัตราที่สูง
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการติดเชื้อที่มีการรายงานกันตอนนี้ไม่มีความหมาย เพราะองค์กรอนามัยโลกบอกแล้วว่าไม่ต้องรายงาน อีกทั้งไม่มีความจำเป็นที่ต้องส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ เพราะการส่งไปห้องปฏิบัติการจะทำให้เสียเวลาและทรัพยากร รวมถึงไม่ได้ช่วยในเรื่องการรักษาพยาบาล แต่ให้รักษาไปตามอาการได้เลยเพราะฉะนั้นไม่เกือบทุกประเทศไม่ต้องส่ง ยกเว้นกรณีที่เขามีความจำเป็นหรือความสนใจ แพทย์จึงส่ง
เมื่อถามว่าจะขอความร่วมมือจากส.ส.ฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะในหลายพื้นที่ มีส.ส.บางคนไปให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนต่อต้านนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ปัญหานี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะทุกคนเรียกร้องให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งก็คือเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขทำงาน คงไม่มีนักการเมืองที่ไปทำร้ายประชาชนอย่างนั้นด้วยการให้ข้อมูลผิดๆโดยเจตนา เมื่อถามต่อถึงการที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีหญิงชรา อายุ 88 ปี ใน จ.แพร่ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การวิจารณ์ว่านโยบายหรือการบริหารจัดการของรัฐบาลมีจุดอ่อนตรงไหน ตนอยากให้ฝ่ายค้านนำมาพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่ามีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ผู้ที่สังเกตการณ์ในต่างประเทศบอกว่ามีประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่นำเรื่องนี้มาเล่นการเมืองมากที่สุด ดังนั้น ตนอยากขอว่าเรื่องนี้ให้ช่วยกันทำงานดีกว่า เพราะตนไม่เชื่อว่ามีพรรคการเมืองใดหรือนักการเมืองคนใดอยากจะเห็นประชาชนเสียชีวิตจากโรคระบาด