เอเอฟพี - เด็กชายวัย 9 ขวบกลายเป็นคนแรกที่เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพนธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศเอลซาวาดอร์ กระทรวงสาธารณสุขเอลซาวาดอร์ ยืนยันวันนี้ (3) ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ใหคำมั่นว่า ยาต้านไวรัสจะถึงมือคนยากจนในประเทศกำลังพัฒนา
คำแถลงของกระทรวงสาธารณสุขเอลซาวาดอร์ เผยว่า เด็กชายคนดังกล่าวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดิอนหายใจที่รุนแรง นับเป็นผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 รายแรกในประเทศ
ทางการเอลซาวาดอร์ เผยว่า หลังจากป่วย 3 วันเด็กชายได้รับการรักษาในคลินิกของรัฐบาลในท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งวินิจฉัยว่ามีอาการปอดปวมด้วย จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเอกชน และเสียชีวิตในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากมีอาการช็อกที่เกิดขึ้นจากอาการปอดบวม
เอลซาวาดอร์ พบว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัส เอช1เอ็น1 ในประเทศแล้ว 277 ราย ขณะที่ผู้ป่วยอีก 178 รายกำลังถูกเผ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของบรูไน ออกมายืนยันว่า เด็กหญิงวัย 12 ปี เสียชีวิตจากไวรัสเอช1เอ็น1 นับเป็นรายแรกภายในประเทศ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งสิ้น 93 ราย
ด้าน องค์การอนามัยโลก เผยว่า ผู้ติดเชื้อในโลกใกล้ถึง 80,000 รายแล้ว และคาดว่า จะทะลุถึง 100,000 คนในไม่กี่สัปดาห์นี้ หลังในทวีปอเมริกาใต้พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมาก โดยเฉพาะที่อาร์เจนตินา ซึ่งเมื่อวานนี้พบผู้เสียชีวิตรวดเดียวถึง 17 ราย รวมเป็น 44 ราย ผู้ติดเชื้อ 1,587 ราย และยังพบหมูจำนวน 800 ตัวในฟาร์มเลี้ยงหมูแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงบวยโนส ไอเรส ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากคนงาน 2 คน ซึ่งถือเป็นการแพร่ระบาดจากคนสู่หมูเป็นครั้งที่ 2 ของโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกประกาศวันเดียวนี้ ว่า ประเทศยากจนในทวีปอเมริกาจะได้รับยาต้านไวรัสมากเพียงพอที่จะต่อสู้การแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ โดย มากาเร็ธ ชาน ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกกล่าวในที่ประชุมสุดยอดที่เมืองแคนคูน ประเทศเม็กซิโก ว่า รอช ยักษ์ใหญ่ในวงการยาสัญชาติสวติเซอร์แลนด์ได้สัญญาว่าจะบริจาคยาทามิฟลูจำนวน 5.6 ล้านโดส ซึ่งองค์การอนามัยโลกจะแจกจ่ายต่อไปยังประเทศที่กำลังพัฒนา
ชาน เสริมว่า องค์การอนามัยโลกจะจัดการเจรจากับกลุ่มผู้บริจาคอีกเพื่อจัดซื้อยาต้านไวรัสเพิ่มเพื่อสำรองไว้เพื่อตอบสนองกับการประเมินไว้ว่าไวรัสชนิดจะระบาดมากยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้ หลังจากที่มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 332 คนในทั่วโลก ท่ามกลางความหวาดเกรงเมื่อพบว่าผู้ป่วยในญี่ปุ่นมีอาการดื้อยาทามิฟลู ซึ่งรอช ผู้ผลิตยาต้านไวรัสชนิดนี้ ระบุว่า เป็นเรือ่งปกติมาก และเสริมว่า ผู้ใหญ่ร้อยละ 0.4 จะมีพัฒนาการในการต้านยาชนิดนี้