“มานิต”ยอมรับคำวินิจฉัยกกต. แต่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ยันขายหุ้นทรูก่อนรับตำแหน่งรมช.สธ.แล้ว แต่ใบหุ้นหายเหตุย้ายบ้านหลายครั้ง มีหลักฐานแจ้งความไว้ชัดเจน แต่ใบซื้อขายหุ้นออกหลังรับตำแหน่ง ชี้ไม่หนักใจ ไม่เครียด คงไม่ได้ถูกกลั่นแกล้ง พร้อมเดินหน้าทำงานต่อ รอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาด
วันที่ 4 พ.ย. นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย เนื่องจากมีการถือหุ้นต้องห้าม ซึ่งเป็นหุ้นในหน่วยงานของรัฐว่า ตนต้องขอดูรายละเอียดคำวินิจฉัยของกกต.อีกครั้งหนึ่งจึงจะสามารถชี้แจงรายละเอียดที่มาที่ไปได้ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าหุ้นที่ส่งผลให้กกต.มีคำวินิจฉัยเช่นนี้เป็นหุ้นของบริษัท ทรู คอร์ปเปอเรชั่น หรือเทเอเดิม ซึ่งตนซื้อมาจำนวน 500 หุ้น หุ้นละประมาณ 1 บาท ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการซื้อขายหุ้นนี้หรือไม่
นายมานิต กล่าวต่อว่า สำหรับหุ้นดังกล่าวได้ทำใบซื้อขายหุ้นหาย เนื่องจากเปลี่ยนที่อยู่หลายครั้ง จึงได้ไปแจ้ง ความไว้ที่สภอ.ราชบุรี และทำสัญญาซื้อขายหุ้นที่ถือครองไว้ตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพียงแต่กระบวนการในการออกเอกสารใบซื้อขายหุ้นเพิ่งแล้วเสร็จและส่งมาให้ตนลงนามสลักหลังหลังเข้ารับตำแหน่งแล้ว ส่วนหุ้นตัวอื่น เช่น หุ้นของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ (ปตท.สผ.) และบริษัททีพีไอ ตนขายไปทั้งหมดแล้วตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่ง
“ที่ผ่านมามีการยื่นบัญชีทรัพย์สิน และยืนยันว่ามีที่มาที่ไป จึงไม่ทราบว่าทำผิดอะไร ส่วนจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ คือตอนนี้กระบวนการมันยังไม่สิ้นสุด และต้องมีกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญอื่นๆ อีก ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอีก ขณะนี้จึงยังมีเวลาอยู่ ขอดูเอกสารของ กกต.ก่อน กฎหมายทุกฉบับเกิดจากเจตนาดีทั้งหมดต้องน้อมรับ แต่สามารถที่จะชี้แจงได้เพราะมีหลักฐานชัดเจนและยังมีเวลา ซึ่งผมไม่ได้ถือหุ้นเยอะ และเล่นหุ้นตั้งแต่ยังไม่ได้เล่นการเมืองเลยไม่ได้ระวัง ซื้อไปแล้วก็ลืมมั้ง ดังนั้น ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในอนาคตต้องระวัง เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นกฎหมายมีรายละเอียดเยอะ การพิจารณาเรื่องต่างๆต้องละเอียด รอบคอบมากขึ้น”นายมานิตกล่าว
ต่อข้อถามว่า จะแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรมช.สธ.หรือไม่ นายมานิต กล่าวว่า เรื่องนี้อยากทำให้เป็นบรรทัดฐานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ทราบถึงกระบวนการขั้นตอนวิธีการที่จะต้องกระทำหากทำใบซื้อขายหุ้นหาย เพราะกรณีนี้เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นกับคนอื่นได้เช่นกัน หากใครไม่ระวังก็จะเกิดกรณีเช่นเดียวกันส่วนจะส่งผลให้มีการปรับตนพ้นคณะรัฐมนตรี(ครม.)หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ใหญ่ในพรรค อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่กระทบกับงานในสธ. งานที่ตนรับผิดชอบจะเดินหน้าทำงานต่อไป เพราะยังมีอีกหลายโรคที่รอการแก้ปัญหา เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เอดส์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“หลังจากทราบข่าวได้โทรศัพท์รายงานให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ถือเป็นผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยทราบแล้วว่าการที่กกต.วินิจฉัยเช่นนี้อาจจะเกิดจากสาเหตุใด ผมไม่หนักใจและไม่เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ทุกคนทำตามหน้าที่ ส่วนตัวผมจะทำหน้าที่ในตำแหน่งรมช.สธ.ต่อไป พร้อมทั้งจะนำรายละเอียดเอกสารต่างๆไปชี้แจง เพราะกระบวนการยังไม่สิ้นสุด ต้องรอการตัดสินชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ”นายมานิตกล่าว