นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ผตท.สผ.) หรือ PTTEP กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังทบทวนตัวเลขปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมในปี 2553 จากเดิมที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ 3 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ซึ่งอาจจะต้องปรับลดลง เนื่องจากแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ 3
เดือนหรือจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในต้นไตรมาส 2 /2553
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯประเมินว่าปีหน้าบริษัทฯมีผลประกอบการที่ยังขยายตัวดีอยู่ เนื่องจากมีปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมเติบโตไม่น้อยกว่า 10%จากปีนี้ที่มีปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมประมาณ 2.3-2.4 แสนบาร์เรล/วัน โดยจะรับรู้ปริมาณการผลิตน้ำมันจากแหล่งมอนทาราเข้ามาวันละ 3.5-4 หมื่นบาร์เรล และแหล่งเจดีเอเข้ามา
หากราคาน้ำมันยังยืนอยู่ในระดับนี้เชื่อว่าจะเป็นปีที่ปตท.สผ.มีผลประกอบการดีที่สุดอีกปีหนึ่ง
"ขณะนี้บริษัทฯกำลังดูว่าจะมีอะไรมาชดเชยเพิ่มเติมหลังจากแหล่งมอนทาราต้องเลื่อนการผลิตน้ำมันเชิงพาณิชย์ออกไปหนึ่งไตรมาสเป็นต้นไตรมาส 2 ปีหน้า ทำให้บริษัทฯต้องทบทวนปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมปีหน้าใหม่จากเดิมที่ตั้งไว้ 3 แสนบาร์เรล/วัน"
ล่าสุด ปตท.สผ. แจ้งว่า บริษัท PTTEPAustralasia (Ashmore Cartier) PTY LTD (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ในฐานะผู้ซื้อ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสิทธิ (Sale and Purchase Agreement) 100% ในแปลงสำรวจ AC/P33 (แหล่ง Oliver) กับบริษัท Albers Group
และบริษัท Stuart Petroleum Limited (ผู้ดำเนินการ) ในฐานะผู้ขาย มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับแหล่ง Oliver ตั้งอยู่นอกชายฝั่ง Timor Sea ทางตอนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลียครอบคลุมพื้นที่ 421 ตารางกิโลเมตร และห่างจากแหล่ง Jabiru/Challis ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งการขยายการลงทุนในแหล่ง Oliver เป็นการต่อยอดยุทธศาสตร์การพัฒนา และขยายการลงทุนต่อเนื่องจากแปลงสำรวจที่เข้าร่วมลงทุนแล้วในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจในส่วนของ Floating LNG (FLNG)
นายอนนต์ กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้จะไม่ค่อยดี เนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียซึ่งเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ผลประกอบการทั้งปีน่าจะยังดี เพราะมีรายได้จากค่าประกันความเสียหายชดเชยเข้ามาในไตรมาส 4
เดือนหรือจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในต้นไตรมาส 2 /2553
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯประเมินว่าปีหน้าบริษัทฯมีผลประกอบการที่ยังขยายตัวดีอยู่ เนื่องจากมีปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมเติบโตไม่น้อยกว่า 10%จากปีนี้ที่มีปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมประมาณ 2.3-2.4 แสนบาร์เรล/วัน โดยจะรับรู้ปริมาณการผลิตน้ำมันจากแหล่งมอนทาราเข้ามาวันละ 3.5-4 หมื่นบาร์เรล และแหล่งเจดีเอเข้ามา
หากราคาน้ำมันยังยืนอยู่ในระดับนี้เชื่อว่าจะเป็นปีที่ปตท.สผ.มีผลประกอบการดีที่สุดอีกปีหนึ่ง
"ขณะนี้บริษัทฯกำลังดูว่าจะมีอะไรมาชดเชยเพิ่มเติมหลังจากแหล่งมอนทาราต้องเลื่อนการผลิตน้ำมันเชิงพาณิชย์ออกไปหนึ่งไตรมาสเป็นต้นไตรมาส 2 ปีหน้า ทำให้บริษัทฯต้องทบทวนปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมปีหน้าใหม่จากเดิมที่ตั้งไว้ 3 แสนบาร์เรล/วัน"
ล่าสุด ปตท.สผ. แจ้งว่า บริษัท PTTEPAustralasia (Ashmore Cartier) PTY LTD (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ในฐานะผู้ซื้อ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสิทธิ (Sale and Purchase Agreement) 100% ในแปลงสำรวจ AC/P33 (แหล่ง Oliver) กับบริษัท Albers Group
และบริษัท Stuart Petroleum Limited (ผู้ดำเนินการ) ในฐานะผู้ขาย มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับแหล่ง Oliver ตั้งอยู่นอกชายฝั่ง Timor Sea ทางตอนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลียครอบคลุมพื้นที่ 421 ตารางกิโลเมตร และห่างจากแหล่ง Jabiru/Challis ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ประมาณ 40 กิโลเมตร ซึ่งการขยายการลงทุนในแหล่ง Oliver เป็นการต่อยอดยุทธศาสตร์การพัฒนา และขยายการลงทุนต่อเนื่องจากแปลงสำรวจที่เข้าร่วมลงทุนแล้วในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจในส่วนของ Floating LNG (FLNG)
นายอนนต์ กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้จะไม่ค่อยดี เนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากแหล่งมอนทารา ที่ออสเตรเลียซึ่งเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ผลประกอบการทั้งปีน่าจะยังดี เพราะมีรายได้จากค่าประกันความเสียหายชดเชยเข้ามาในไตรมาส 4