ผู้ค้าชี้ค่าการตลาดน้ำมันที่ 1.50 บาท ทำให้ราคาขายปลีกในประเทศยังนิ่ง ภายในสัปดาห์นี้ พร้อมคาดการณ์ราคาน้ำมันโลก ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 65-75 ดอลลาร์ ไปจนถึงกลางปีหน้า
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงค่าการตลาดของบริษัทน้ำมันในประเทศส่วนใหญ่ขณะนี้ ค่าการตลาดยังอยู่ในระดับที่ 1.50 บาทต่อลิตร ทำให้คาดการณ์ว่า ภายในสัปดาห์นี้ คงยังไม่มีบริษัทน้ำมันรายใดปรับราคาน้ำมันทั้งกลุ่มดีเซลและเบนซินแต่อย่างใด และมองว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกหลังจากนี้ไปจนถึงกลางปีหน้าน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย ต้องการให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสิ้นปีนี้ไปจนถึงปีหน้า น่าจะอยู่ที่ 72-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตาม
ทั้งนี้ เท่าที่ได้ติดตามภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ดูจะปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น ต้องจับตามองประเทศจีนและอินเดียที่จะมีความต้องการใช้พลังงานในปีหน้าเพิ่มขึ้น แต่ยังเชื่อมั่นว่าแม้ความต้องการใช้พลังงานจากประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้น แต่จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ยังเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในตลาดโลกสิ้นปีนี้ไปจนถึงกลางปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 65-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยความต้องการน้ำมันดิบปีหน้า มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากขณะนี้อยู่ที่ 83.5 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 85 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1-1.5 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ คาดว่าจนถึงปีหน้าโดยเฉพาะกลุ่มโซฮอล์ลจะอยู่ที่ 30-32 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันและจำหน่ายน้ำมันมองว่าอนาคตประชาชนจะหันมาใช้พลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ กันมากขึ้น โดยประชาชนจะมองว่ารถยนต์ที่ประหยัดใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลได้เดินมาถูกทางที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรถยนต์จากค่ายต่างๆ ผลิตรถยนต์ที่ประหยัดใช้พลังงานทดแทน เพราะนอกจากจะส่งเสริมให้ลดภาวะโลกร้อนแล้ว ยังเป็นการรักษาคุณภาพแวดล้อมได้อีกด้วย
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวในงานสัมมนา “ขุมทรัพย์น้ำมันของไทยในต่างประเทศ” ว่า ในฐานะเป็นผู้ผลิตและสำรวจก๊าซธรรมชาติทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ มองว่าแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของไทยไม่ว่าจะเป็นที่อ่าวไทยและพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ที่ทาง ปตท.สผ.ดำเนินการอยู่นี้จะหมดไปในอีก 20-30 ปีข้างหน้า จึงเป็นสิ่งที่ต้องหาพื้นที่แหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น
“ที่ผ่านมา ปตท.สผ.ได้เข้าไปมีสัมปทานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแล้วกว่า 13 ประเทศ และกำลังทบทวนอยู่ว่าแหล่งขุดเจาะประเทศใดที่มีศักยภาพมากพอที่จะเข้าไปขอซื้อกิจการแทนสัมปทานเพื่อที่จะได้ขยายพื้นที่ขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบเพิ่มเติม พร้อมทั้งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการจัดสร้างเรือก๊าซและน้ำมันที่จะผลิตน้ำมับดิบและก๊าซธรรมชาติได้โดยไม่ต้องดำเนินการจัดสร้างเป็นโรงงาน ที่จะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายไปในพื้นที่ต่างๆ ได้ต่อไป”นายอนนต์ กล่าว
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงค่าการตลาดของบริษัทน้ำมันในประเทศส่วนใหญ่ขณะนี้ ค่าการตลาดยังอยู่ในระดับที่ 1.50 บาทต่อลิตร ทำให้คาดการณ์ว่า ภายในสัปดาห์นี้ คงยังไม่มีบริษัทน้ำมันรายใดปรับราคาน้ำมันทั้งกลุ่มดีเซลและเบนซินแต่อย่างใด และมองว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกหลังจากนี้ไปจนถึงกลางปีหน้าน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย ต้องการให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสิ้นปีนี้ไปจนถึงปีหน้า น่าจะอยู่ที่ 72-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตาม
ทั้งนี้ เท่าที่ได้ติดตามภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ดูจะปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น ต้องจับตามองประเทศจีนและอินเดียที่จะมีความต้องการใช้พลังงานในปีหน้าเพิ่มขึ้น แต่ยังเชื่อมั่นว่าแม้ความต้องการใช้พลังงานจากประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้น แต่จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ยังเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบในตลาดโลกสิ้นปีนี้ไปจนถึงกลางปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 65-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยความต้องการน้ำมันดิบปีหน้า มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากขณะนี้อยู่ที่ 83.5 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 85 ล้านลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1-1.5 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ คาดว่าจนถึงปีหน้าโดยเฉพาะกลุ่มโซฮอล์ลจะอยู่ที่ 30-32 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันและจำหน่ายน้ำมันมองว่าอนาคตประชาชนจะหันมาใช้พลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ กันมากขึ้น โดยประชาชนจะมองว่ารถยนต์ที่ประหยัดใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลได้เดินมาถูกทางที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรถยนต์จากค่ายต่างๆ ผลิตรถยนต์ที่ประหยัดใช้พลังงานทดแทน เพราะนอกจากจะส่งเสริมให้ลดภาวะโลกร้อนแล้ว ยังเป็นการรักษาคุณภาพแวดล้อมได้อีกด้วย
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวในงานสัมมนา “ขุมทรัพย์น้ำมันของไทยในต่างประเทศ” ว่า ในฐานะเป็นผู้ผลิตและสำรวจก๊าซธรรมชาติทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ มองว่าแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของไทยไม่ว่าจะเป็นที่อ่าวไทยและพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ที่ทาง ปตท.สผ.ดำเนินการอยู่นี้จะหมดไปในอีก 20-30 ปีข้างหน้า จึงเป็นสิ่งที่ต้องหาพื้นที่แหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น
“ที่ผ่านมา ปตท.สผ.ได้เข้าไปมีสัมปทานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแล้วกว่า 13 ประเทศ และกำลังทบทวนอยู่ว่าแหล่งขุดเจาะประเทศใดที่มีศักยภาพมากพอที่จะเข้าไปขอซื้อกิจการแทนสัมปทานเพื่อที่จะได้ขยายพื้นที่ขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบเพิ่มเติม พร้อมทั้งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการจัดสร้างเรือก๊าซและน้ำมันที่จะผลิตน้ำมับดิบและก๊าซธรรมชาติได้โดยไม่ต้องดำเนินการจัดสร้างเป็นโรงงาน ที่จะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายไปในพื้นที่ต่างๆ ได้ต่อไป”นายอนนต์ กล่าว