รมว.สธ. ยืนยันหลังตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งให้โปร่งใส หากรายการใดไม่มีปัญหา จะให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างทันที ขอความร่วมมือชาวสาธารณสุขหากพบความไม่โปร่งใสให้แจ้งประธานชมรมนั้นๆ เช่น ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรม ร.พ.ศูนย์ ร.พ.ทั่วไป ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมสาธารณสุข
วันนี้(16 ตุลาคม 2552) ที่โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จ.พิษณุโลก นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ. ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ นักวิชาการสาธารณสุข และหัวหน้าสถานีอนามัยที่ยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ใน 16 จังหวัดภาคเหนือ ประมาณ 700 คน เพื่อชี้แจงแนวทางดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 โดยมีงบประมาณกว่า 86,000 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ ทั้งการก่อสร้าง พัฒนาอาคารสถานที่ จัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์
นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อโครงการไทยเข้มแข็ง ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการเสร็จสิ้นแล้ว รายการใดที่ไม่มีปัญหา จะให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ในการประชุมในวันนี้ ได้ขอความร่วมมือให้ชาวสาธารณสุขช่วยกันตรวจสอบ และให้แจ้งข้อมูลที่ประธานชมรมนั้นๆ เช่น ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมสาธารณสุข ฯลฯ เนื่องจากโครงการไทยเข้มแข็งนี้เป็นโครงการทำครั้งเดียวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2553-2555 จะเป็นการพัฒนากระบวนการสาธารณสุขครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำให้ภาพที่ชินตาประชาชน คือสภาพที่มีผู้ป่วยนอนล้นเตียงตามระเบียง หรือนอนแออัดในโรงพยาบาล หายไป
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบาย 5 เรื่อง คือ 1.จะบุกงานสร้างเสริมสุขภาพประจำตำบล ให้สถานีอนามัยจับมืออสม. ดูแลสุขภาพเชิงรุก โดยยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้บริการรักษาพยาบาลแบบออนไลน์ ผู้ป่วยไม่ต้องทะลักเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอหรือจังหวัด 2.โรงพยาบาลชุมชนที่ไม่ได้รับการพัฒนามานาน จะได้รับการขยายเพื่อรองรับผู้ป่วยในชุมชน 3.โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ต้องได้รับการพัฒนาทั้งอาคารสถานที่ และเครื่องมือ เพื่อรองรับโรคที่มากับความเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีใหม่ในวันข้างหน้า 4.พัฒนาศูนย์เฉพาะทางต่างๆ เช่น ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์อุบัติเหตุ สถาบันมะเร็ง สถาบันโรคผิวหนัง เพื่อสร้างความเป็นเลิศในด้านการรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข 5.ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร
วันนี้(16 ตุลาคม 2552) ที่โรงแรมอมรินทร์ ลากูน จ.พิษณุโลก นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดสธ. ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ นักวิชาการสาธารณสุข และหัวหน้าสถานีอนามัยที่ยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ใน 16 จังหวัดภาคเหนือ ประมาณ 700 คน เพื่อชี้แจงแนวทางดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 โดยมีงบประมาณกว่า 86,000 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ ทั้งการก่อสร้าง พัฒนาอาคารสถานที่ จัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์
นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อโครงการไทยเข้มแข็ง ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการเสร็จสิ้นแล้ว รายการใดที่ไม่มีปัญหา จะให้ทุกจังหวัดดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ในการประชุมในวันนี้ ได้ขอความร่วมมือให้ชาวสาธารณสุขช่วยกันตรวจสอบ และให้แจ้งข้อมูลที่ประธานชมรมนั้นๆ เช่น ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมสาธารณสุข ฯลฯ เนื่องจากโครงการไทยเข้มแข็งนี้เป็นโครงการทำครั้งเดียวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2553-2555 จะเป็นการพัฒนากระบวนการสาธารณสุขครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำให้ภาพที่ชินตาประชาชน คือสภาพที่มีผู้ป่วยนอนล้นเตียงตามระเบียง หรือนอนแออัดในโรงพยาบาล หายไป
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบาย 5 เรื่อง คือ 1.จะบุกงานสร้างเสริมสุขภาพประจำตำบล ให้สถานีอนามัยจับมืออสม. ดูแลสุขภาพเชิงรุก โดยยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้บริการรักษาพยาบาลแบบออนไลน์ ผู้ป่วยไม่ต้องทะลักเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอหรือจังหวัด 2.โรงพยาบาลชุมชนที่ไม่ได้รับการพัฒนามานาน จะได้รับการขยายเพื่อรองรับผู้ป่วยในชุมชน 3.โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ต้องได้รับการพัฒนาทั้งอาคารสถานที่ และเครื่องมือ เพื่อรองรับโรคที่มากับความเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีใหม่ในวันข้างหน้า 4.พัฒนาศูนย์เฉพาะทางต่างๆ เช่น ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์อุบัติเหตุ สถาบันมะเร็ง สถาบันโรคผิวหนัง เพื่อสร้างความเป็นเลิศในด้านการรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข 5.ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร