ค่ายอมรินทร์ ปรับกลยุทธ์รุกธุรกิจนิตยสาร ชูกลยุทธ์ 3 C โหมหนักคอนเนคติวิตี้ สร้างการเชื่อมโยงแบบเบ็ดเสร็จ ปีหน้าลุยต่อเปิดนิตยสารใหม่ พร้อมต่อยอดธุรกิจจากสิ่งพิมพ์สู่รายการทีวี
นางสาวระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจสำนักพิมพ์ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงไม่ดีขึ้นมากเท่าใดนักก็ตาม โดยปีนี้จะวางพื้นฐานสิ่งพิมพ์ที่มีอยู่ทั้งหมดให้แข็งแกร่งก่อน
ทั้งนี้ได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่เต็มที่ ซึ่งจะมีการดำเนินงานใน 3 ส่วนหลักคือ 1.CHANGE คือ การเปลี่ยนคอลัมน์และเนื้อหา โดยนิตยสารแพรว ครบรอบ 30 ปีในปีนี้ จะปรับใหญ่ เริ่มฉบับวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ส่วนนิตยสารหัวอื่นจะทยอยปรับ 2. CHARITY คือ แชร์ริตี้ การร่วมทำบุญในโครงการต่างๆ และ 3. CONNECTIVITY คือ คอนเนคติวิตี้ คือการเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งหมายถึง บริษัท ผู้อ่าน และเจ้าของสินค้าที่ลงโฆษณา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก
สำหรับการนำคอนเนคติวิตีมาใช้นั้น นางระรินกล่าวว่า บริษัทฯได้เริ่มทดลองทำบ้างแล้ว กับ นิตยสาร 3 หัวของเครือ เช่น บ้านและสวน และนิตยสารแพรว เมื่อปีที่แล้ว แต่เต็มรูปแบบในปีนี้ โดยทำเป็นเว๊บไซต์ขึ้นมาเพื่อสร้างให้เป็นคอมมูนิตี้เว็บสามารถที่จะติตต่อเชื่อมโยงกันได้ ส่งผลให้ผู้อ่านบ้านและสวนเพิ่มขึ้น 50% มียอดผู้เข้าชมเว๊บจาก 120,000 คนเป็น 130,000 คนต่อเดือน
ในปีหน้าจะทำต่ออีก คาดว่าจะเป็นนิตยสารแพรวสุดสัปดาห์ ชีวจิต WE และเฮลท์แอนด์คูซีน ซึ่งนอกจากจะจัดทำเว๊บไซต์แล้ว ยังมีแผนที่จะรุกหนักทางด้านรับจัดอีเวนต์หรืองานแฟร์ให้มากขึ้นอีกด้วย ในนามของ อมรินทร์ ครีเอทีฟ อีเวนต์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของบริษัทฯมีแผนจะรับจัดอีเวนต์งานข้างนอกเครือด้วย จากเดิมมุ่งเน้นงานในเครือเท่านั้น ซึ่งมองว่าการจัดงานแฟร์นั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าการทำสิ่งพิมพ์ เพราะว่าไม่มีต้นทุนมากนัก อีกทั้งมาร์จิ้นยังสูงกว่าสิ่งพิมพ์ด้วย
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็น รายได้จากโฆษณา 30% รายได้จากการขายนิตยสาร 30% และรายได้จาการขายพ๊อกเก็ตบุ๊ค 30% และรายได้จากอีเวนต์ 10% ซึ่งบริษัทฯจะคงสัดส่วนนี้ไว้ แม้ว่าฐานธุรกิจใหญ่ขึ้นก็ตาม
ขณะที่รายได้จากการขายโฆษณาผ่านเว๊บนั้น นางระรินมองว่า น่าจะมีสัดส่วนประมาณ 2% เท่านั้นจากรายได้รวมของบริษัทฯ และคาดว่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 5% ในปีหน้า และวางเป้าหมาระยะยาว 3 ปีนับจากนี้มีสัดส่วนเป็น 10%
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ว่าจะไม่มีการเติบโตหรือทรงตัวจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานี้ จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ บริษัทฯคาดว่าอาจจะกระทบตต่อรายได้ตกลงบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วก็น่าจะดีกว่าตลาดแมกกาซีนโดยรวมที่ตกลงแล้ว 12% ซึ่งตัวหลักของบริษัทฯคือ นิตยสารแพรว แต่ก็ทรงตัวเช่นเดียวกับอินสไพร์ กลุ่มที่รายได้ดีขึ้นคือ แนวสุขภาพ เช่น ชีวจิต เชฟ เฮลท์แอนด์คูซีน ส่วนกลุ่มที่รายได้ตกลงเช่น บ้านและสวน
อย่างไรก็ตาม นางระริน กล่าวด้วยว่า ในปีหน้าบริษัทฯยังแผนที่จะเปิดนิตยสารหัวใหม่อีก 1 เล่ม คาดว่าจะเป็นหัวไทยเอง และเตรียมรุกหนักทางด้านสื่อโทรทัศน์อีกเช่นกัน โดยจะใช้คอนเท้นต์จากสิ่งพิมพ์มาต่อยอดเป็นรายการทีวี โดยขณะนี้ได้เวลาออกอากาศทางทรูวิชั่นส์แล้ว ครึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละครั้ง โดยคาดว่าจะทำรายการประเภทที่เกี่ยวกับบ้าน โดยนำคอนเท้นต์จากนิตยสารบ้านและสวนมาต่อยอดอีกทอดหนึ่ง
นางสาวระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจสำนักพิมพ์ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงไม่ดีขึ้นมากเท่าใดนักก็ตาม โดยปีนี้จะวางพื้นฐานสิ่งพิมพ์ที่มีอยู่ทั้งหมดให้แข็งแกร่งก่อน
ทั้งนี้ได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่เต็มที่ ซึ่งจะมีการดำเนินงานใน 3 ส่วนหลักคือ 1.CHANGE คือ การเปลี่ยนคอลัมน์และเนื้อหา โดยนิตยสารแพรว ครบรอบ 30 ปีในปีนี้ จะปรับใหญ่ เริ่มฉบับวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ส่วนนิตยสารหัวอื่นจะทยอยปรับ 2. CHARITY คือ แชร์ริตี้ การร่วมทำบุญในโครงการต่างๆ และ 3. CONNECTIVITY คือ คอนเนคติวิตี้ คือการเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งหมายถึง บริษัท ผู้อ่าน และเจ้าของสินค้าที่ลงโฆษณา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก
สำหรับการนำคอนเนคติวิตีมาใช้นั้น นางระรินกล่าวว่า บริษัทฯได้เริ่มทดลองทำบ้างแล้ว กับ นิตยสาร 3 หัวของเครือ เช่น บ้านและสวน และนิตยสารแพรว เมื่อปีที่แล้ว แต่เต็มรูปแบบในปีนี้ โดยทำเป็นเว๊บไซต์ขึ้นมาเพื่อสร้างให้เป็นคอมมูนิตี้เว็บสามารถที่จะติตต่อเชื่อมโยงกันได้ ส่งผลให้ผู้อ่านบ้านและสวนเพิ่มขึ้น 50% มียอดผู้เข้าชมเว๊บจาก 120,000 คนเป็น 130,000 คนต่อเดือน
ในปีหน้าจะทำต่ออีก คาดว่าจะเป็นนิตยสารแพรวสุดสัปดาห์ ชีวจิต WE และเฮลท์แอนด์คูซีน ซึ่งนอกจากจะจัดทำเว๊บไซต์แล้ว ยังมีแผนที่จะรุกหนักทางด้านรับจัดอีเวนต์หรืองานแฟร์ให้มากขึ้นอีกด้วย ในนามของ อมรินทร์ ครีเอทีฟ อีเวนต์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของบริษัทฯมีแผนจะรับจัดอีเวนต์งานข้างนอกเครือด้วย จากเดิมมุ่งเน้นงานในเครือเท่านั้น ซึ่งมองว่าการจัดงานแฟร์นั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าการทำสิ่งพิมพ์ เพราะว่าไม่มีต้นทุนมากนัก อีกทั้งมาร์จิ้นยังสูงกว่าสิ่งพิมพ์ด้วย
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็น รายได้จากโฆษณา 30% รายได้จากการขายนิตยสาร 30% และรายได้จาการขายพ๊อกเก็ตบุ๊ค 30% และรายได้จากอีเวนต์ 10% ซึ่งบริษัทฯจะคงสัดส่วนนี้ไว้ แม้ว่าฐานธุรกิจใหญ่ขึ้นก็ตาม
ขณะที่รายได้จากการขายโฆษณาผ่านเว๊บนั้น นางระรินมองว่า น่าจะมีสัดส่วนประมาณ 2% เท่านั้นจากรายได้รวมของบริษัทฯ และคาดว่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 5% ในปีหน้า และวางเป้าหมาระยะยาว 3 ปีนับจากนี้มีสัดส่วนเป็น 10%
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ว่าจะไม่มีการเติบโตหรือทรงตัวจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานี้ จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ บริษัทฯคาดว่าอาจจะกระทบตต่อรายได้ตกลงบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วก็น่าจะดีกว่าตลาดแมกกาซีนโดยรวมที่ตกลงแล้ว 12% ซึ่งตัวหลักของบริษัทฯคือ นิตยสารแพรว แต่ก็ทรงตัวเช่นเดียวกับอินสไพร์ กลุ่มที่รายได้ดีขึ้นคือ แนวสุขภาพ เช่น ชีวจิต เชฟ เฮลท์แอนด์คูซีน ส่วนกลุ่มที่รายได้ตกลงเช่น บ้านและสวน
อย่างไรก็ตาม นางระริน กล่าวด้วยว่า ในปีหน้าบริษัทฯยังแผนที่จะเปิดนิตยสารหัวใหม่อีก 1 เล่ม คาดว่าจะเป็นหัวไทยเอง และเตรียมรุกหนักทางด้านสื่อโทรทัศน์อีกเช่นกัน โดยจะใช้คอนเท้นต์จากสิ่งพิมพ์มาต่อยอดเป็นรายการทีวี โดยขณะนี้ได้เวลาออกอากาศทางทรูวิชั่นส์แล้ว ครึ่งชั่วโมง สัปดาห์ละครั้ง โดยคาดว่าจะทำรายการประเภทที่เกี่ยวกับบ้าน โดยนำคอนเท้นต์จากนิตยสารบ้านและสวนมาต่อยอดอีกทอดหนึ่ง