xs
xsm
sm
md
lg

“วิทยา” ส่ง “มาร์ค” ตั้ง กก.สอบโกง สธ.-ย้าย “หมอสุชาติ” นั่งวิชาการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“วิทยา” ส่งต่อไทยเข้มแข็งให้ “มาร์ค” ลงนามตั้ง “หมอบรรลุ” - “พล.ต.อ.ประทิน” เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันเปิดทางทำงานอิสระ พร้อมยึดผลตามมติ ขอโทษหมอทั่วประเทศ ต้องสั่งชะลอโครงการจัดซื้อทั้งหมด ด้านปลัด สธ.ย้าย “หมอสุชาติ” ไปสำนักวิชาการ โยก “หมอสุรเชษฐ์” รักษาการชั่วคราว “หมอไพจิตร์” รับรองไม่จับแพะ โปร่งใส อธิบายได้

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 ตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ในโครงการไทยเข้มแข็ง ว่า ขณะนี้ นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบรับเข้าเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ แล้ว โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนัดหมายทั้ง 2 ท่าน เพื่อหารือวางกรอบการพิจารณารวมทั้งพิจารณาผู้ที่จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตามที่ทั้ง 2 ท่านเสนอชื่อมา หลังจากนั้น นายกฯ จะเป็นผู้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกรอบอำนาจหน้าที่ ระยะเวลาการตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปอย่างกว้างขวางและโปร่งใสที่สุด ซึ่งนายกฯ มีอำนาจในการเรียกดูข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงทุกชุด

“ผมต้องขอโทษบุคลากรสาธารณสุขทุกคนและประชาชนทั่วประเทศ ที่ทำให้โครงการต้องล่าช้าไปบ้าง เพราะได้สั่งให้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขทำหนังสือแจ้งจังหวัด ชะลอโครงการไว้ทั้งหมดแล้วโดยจะไม่มีการลงนามการจัดซื้อจัดจ้างจนกว่าจะมีการทบทวนรายการครุภัณฑ์ทั้งหมดก่อน หากทราบว่ารายการจัดซื้อจัดจ้างใดไม่ชอบมาพากลก็จะยกเลิกรายการนั้นๆ แม้ทราบดีว่าขณะนี้โรงพยาบาลทั้งประเทศต้องการการปรับปรุงเครื่องมือและสถานที่ให้เพียงพอต่อการรับบริการเพื่อต้องการให้เม็ดเงินงบประมาณจากเงินกู้กว่า 86,000 ล้านบาท ให้เกิดประโยชน์กับกระทรวงสาธารณสุขและประชาชนอย่างเต็มที่” นายวิทยา กล่าว

“วิทยา” ไม่เชื่อใบปลิวขอดูผลสอบ
นายวิทยา กล่าวต่อว่า จะให้คณะกรรมการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งทุกชุด ทำงานอย่างอิสระและเต็มที่ ผลการตรวจสอบออกมาอย่างไร จะยึดตามนั้น และจะดำเนินการตามกฎหมาย ในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) จะเดินทางไปประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใน 19 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายในการชี้แจงและรับฟังปัญหาอุปสรรคจากคนทำงานในพื้นที่ ในการพัฒนาระบบการสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง

ต่อข้อถามว่า กรณีใบปลิวจี้แจงรายละเอียดการบรรจุเครื่องยูวีแฟน ลงในโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งมีชื่ออดีตที่ปรึกษานายวิทยา ว่า เป็นผู้สั่งการ นายวิทยา กล่าวว่า เพิ่งเห็นใบปลิวดังกล่าววันนี้ หากผลการตรวจสอบมีการพาดพิงใครก็ตาม ทั้งข้าราชการ นักการเมือง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกคน ซึ่งคณะกรรมการชุดที่นายกฯ จะตั้งขึ้น ประกอบด้วย คนนอกนั้น มีอำนาจตรวจสอบคนทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งได้สอบถามกับปลัด สธ.จึงทราบว่า การทำใบปลิวใน สธ.นั้น เป็นเรื่องปกติ แต่ตนอยากให้สื่อติดตามข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบมากกว่าเชื่อใบปลิว โดยผลสอบของคณะกรรมการชุดที่นายกฯตั้ง จะต้องจบที่ใครเป็นผู้สั่งการให้ได้

ย้าย “หมอสุชาติ” นั่งวิชาการ
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ (15 ต.ค.) ได้มีคำสั่งย้าย นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) ไปปฏิบัติงานที่สำนักวิชาการ สธ. และให้นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย สาธารณสุขนิเทศ รักษาการ ผอ.สบภ.ไปก่อน จนกว่าจะมีข้อยุติของคณะกรรมการทุกชุด เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน โดยจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเรียก นพ.สุชาติ มาให้ข้อมูลอีกเพราะไม่จำเป็นและเป็นอำนาจที่ตนสามารถดำเนินการได้ทันที

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ที่มีข้อร้องเรียน 6 รายการ ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก รักษาราชการรองปลัดกระทรวง สธ.เป็นประธาน จะส่งรายงานสรุปผลการตรวจสอบที่เป็นเอกสารให้ตน ซึ่งจะมีการระบุชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในความไม่โปร่งใสโครงการไทยเข้มแข็งให้ทราบ ซึ่งมีมากกว่า 1 ชื่อ โดยผลสอบดังกล่าวจะนำส่งให้คณะกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้นด้วย เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานและการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป และจะนำไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ยันไม่จับแพะแน่นอน
ต่อข้อถามว่า การโยกย้าย นพ.สุชาติ เพียงคนเดียว จะเป็นการหาแพะเพื่อรับผิดชอบหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ไม่กังวลข้อครหาดังกล่าว เพราะสิ่งที่ตนเองทำมาตลอดชีวิต ยืนยันว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่ในระบบราชการทุกอย่างตรวจสอบได้ โปร่งใส และอธิบายได้ในทุกอย่างที่ทำ

ต่อข้อถามว่า หนึ่งในข้าราชการเกษียณอายุซึ่งถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสของโครงการดังกล่าว ซึ่งกำลังจะทำงานกับหน่วยงานระหว่างประเทศ โดยมี สธ.เป็นผู้ออกงบประมาณให้ 7 ล้านบาท ใน 2 ปี จะดำเนินการระงับการแต่งตั้งดังกล่าวหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า อาจจะต้องชะลอโครงการดังกล่าวไว้ก่อน โดยรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการก่อนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ตนจะสอบถามไปยังองค์กรระหว่างประเทศดังกล่าวด้วยว่ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรด้วย หากไม่สบายใจอาจต้องชะลอออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น