ผลสอบ “ไทยเข้มแข็ง” สธ.พบมีมูลล็อกสเปกครุภัณฑ์ 7 รายการ “ผอ.สำนัก-ข้าราชการเกษียณ” เอี่ยวชัด แต่ยังปิดชื่อ อ้างกลัวถูกฟ้อง รอสอบรายละเอียดเชิงลึกต่อ ขณะที่ราคาครุภัณฑ์บางรายการแพงเกินจริง เตรียมให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจซ้ำ ระบุ พื้นที่ได้งบเกินความพอเหมาะ จะมีการปรับลดและเกลี่ยงบให้สถานบริการอื่นๆ
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.พร้อมด้วย นพ.ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา ผู้ตรวจราชการ สธ. นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย สาธารณสุขนิเทศก์ นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการ สธ. นพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้อำนวยการโครงการไทยเข้มแข็ง นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ.แถลงข่าวผลการตรวจสอบเบื้องต้นโครงการไทยเข้มแข็ง 2555
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมคณะทำงาน 2 ชุด ที่ตั้งขึ้นเพื่อทำการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 ของ สธ.วงเงิน 86,000 ล้านกว่าบาท ให้เป็นไปด้วยความสุจริต ประชาชนได้ประโยชน์จริง คือ ชุดตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ 7 รายการในจำนวน 7,400 รายการที่เป็นปัญหาว่าจะมีการล็อกสเปกและบางพื้นที่ไม่ต้องการจริง เช่น เครื่องทำลายเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต หรือ ยูวีแฟน เครื่องดมยาสลบ เครื่องติดตามการทำงานหัวใจ มี นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการ เป็นประธาน ชุดที่ 2 ได้แก่ ชุดตรวจสอบความเหมาะสมของรายการที่ขอ 7,400 รายการ ทั้งราคา ความเหมะสมกับพื้นที่มีรองปลัดกระทรวง เป็นประธาน
**สั่งผู้ตรวจลง พท.ปรับครุภัณฑ์บางรายการ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า จากรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ในส่วนผลการดำเนินการของผู้ตรวจราชการ สธ.ทั้ง 18 เขต ได้ข้อสรุปว่า ส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของรายการเป็นไปตามเดิม แต่จะมีการดำเนินการต่อ 2 เรื่อง ได้แก่ การปรับปรุงบางรายการ เช่น การก่อสร้างรายการที่มีแบบมาตรฐาน โดยจะเชิญสภาวิศวกรรม หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เชื่อถือได้ ร่วมตรวจสอบกับกองแบบแผนของ สธ.และปรับปรุงครุภัณฑ์บางรายการที่พื้นที่ต้องการจริง และดูความเหมาะสมของราคา ภายในวงเงินเท่าเดิม โดยจะให้ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่ เพื่อรับฟังความเห็นจากพื้นที่ในช่วง 2-3 วันนี้ เพื่อให้พื้นที่มีส่วนร่วมในการทบทวนและตัดสินใจบนความจำเป็นและเหมาะสมอีกครั้ง
**ผลสอบชัด ผอ.สำนัก-ขรก.เกษียณเอี่ยวโกง
“ในส่วนผลของตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ 7 รายการ ที่มีข่าวว่าจะมีการล็อกสเปก เอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม ผลการสอบขณะนี้บอกได้แต่เพียงว่า มีข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่ในระดับผู้อำนวยการสำนักมีส่วนเกี่ยวข้อง และได้อ้างว่า มีข้าราชการเกษียณเกี่ยวข้องเช่นกัน แต่ไม่สามารถระบุชื่อได้ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย มีการฟ้องร้องได้ เนื่องจากเป็นเพียงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น ว่ามีผู้เกี่ยวข้องกี่คน และเกี่ยวข้องในประเด็นใด จะต้องสอบลงลึกในรายละเอียดต่อ ซึ่งผลการสอบเขาอาจจะไม่ผิดก็ได้ หากลงรายละเอียดเชิงลึกแล้ว” นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า
ปลัด สธ.กล่าวอีกว่า สำหรับผลการสอบของคณะกรรมการชุดความเหมาะสม ขณะนี้ได้ตรวจสอบไปแล้วประมาณร้อยละ 30 เนื่องจากมีรายการคำขอจำนวนมากถึง 7,400 รายการ ผลการตรวจพบว่า บางรายการมีราคาสูงเกินความจำเป็น ต้องมีการปรับลดวงเงิน โดยเฉพาะครุภัณฑ์บางรายการ
ทั้งนี้ ในหลักการทำงาน จะเดินหน้าต่อ โดยในรายการครุภัณฑ์ระดับสูง และมีราคาแพง จะเชิญผู้เชี่ยวชาญสาขานั้นๆ มาร่วมพิจารณาราคาและความเหมาะสมกับโรงพยาบาล ส่วนในด้านการกระจายโอกาสการพัฒนาของสถานบริการ จะให้มีการปรับในส่วนของพื้นที่ที่ได้มากเกินความจำเป็น เพื่อนำไปเกลี่ยให้พื้นที่ยังไม่ได้ เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์กับประชาชนทุกพื้นที่เท่าเทียมกัน
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.พร้อมด้วย นพ.ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา ผู้ตรวจราชการ สธ. นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย สาธารณสุขนิเทศก์ นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการ สธ. นพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้อำนวยการโครงการไทยเข้มแข็ง นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ.แถลงข่าวผลการตรวจสอบเบื้องต้นโครงการไทยเข้มแข็ง 2555
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมคณะทำงาน 2 ชุด ที่ตั้งขึ้นเพื่อทำการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 ของ สธ.วงเงิน 86,000 ล้านกว่าบาท ให้เป็นไปด้วยความสุจริต ประชาชนได้ประโยชน์จริง คือ ชุดตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ 7 รายการในจำนวน 7,400 รายการที่เป็นปัญหาว่าจะมีการล็อกสเปกและบางพื้นที่ไม่ต้องการจริง เช่น เครื่องทำลายเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต หรือ ยูวีแฟน เครื่องดมยาสลบ เครื่องติดตามการทำงานหัวใจ มี นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการ เป็นประธาน ชุดที่ 2 ได้แก่ ชุดตรวจสอบความเหมาะสมของรายการที่ขอ 7,400 รายการ ทั้งราคา ความเหมะสมกับพื้นที่มีรองปลัดกระทรวง เป็นประธาน
**สั่งผู้ตรวจลง พท.ปรับครุภัณฑ์บางรายการ
นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า จากรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ในส่วนผลการดำเนินการของผู้ตรวจราชการ สธ.ทั้ง 18 เขต ได้ข้อสรุปว่า ส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของรายการเป็นไปตามเดิม แต่จะมีการดำเนินการต่อ 2 เรื่อง ได้แก่ การปรับปรุงบางรายการ เช่น การก่อสร้างรายการที่มีแบบมาตรฐาน โดยจะเชิญสภาวิศวกรรม หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เชื่อถือได้ ร่วมตรวจสอบกับกองแบบแผนของ สธ.และปรับปรุงครุภัณฑ์บางรายการที่พื้นที่ต้องการจริง และดูความเหมาะสมของราคา ภายในวงเงินเท่าเดิม โดยจะให้ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่ เพื่อรับฟังความเห็นจากพื้นที่ในช่วง 2-3 วันนี้ เพื่อให้พื้นที่มีส่วนร่วมในการทบทวนและตัดสินใจบนความจำเป็นและเหมาะสมอีกครั้ง
**ผลสอบชัด ผอ.สำนัก-ขรก.เกษียณเอี่ยวโกง
“ในส่วนผลของตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ 7 รายการ ที่มีข่าวว่าจะมีการล็อกสเปก เอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม ผลการสอบขณะนี้บอกได้แต่เพียงว่า มีข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่ในระดับผู้อำนวยการสำนักมีส่วนเกี่ยวข้อง และได้อ้างว่า มีข้าราชการเกษียณเกี่ยวข้องเช่นกัน แต่ไม่สามารถระบุชื่อได้ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย มีการฟ้องร้องได้ เนื่องจากเป็นเพียงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น ว่ามีผู้เกี่ยวข้องกี่คน และเกี่ยวข้องในประเด็นใด จะต้องสอบลงลึกในรายละเอียดต่อ ซึ่งผลการสอบเขาอาจจะไม่ผิดก็ได้ หากลงรายละเอียดเชิงลึกแล้ว” นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า
ปลัด สธ.กล่าวอีกว่า สำหรับผลการสอบของคณะกรรมการชุดความเหมาะสม ขณะนี้ได้ตรวจสอบไปแล้วประมาณร้อยละ 30 เนื่องจากมีรายการคำขอจำนวนมากถึง 7,400 รายการ ผลการตรวจพบว่า บางรายการมีราคาสูงเกินความจำเป็น ต้องมีการปรับลดวงเงิน โดยเฉพาะครุภัณฑ์บางรายการ
ทั้งนี้ ในหลักการทำงาน จะเดินหน้าต่อ โดยในรายการครุภัณฑ์ระดับสูง และมีราคาแพง จะเชิญผู้เชี่ยวชาญสาขานั้นๆ มาร่วมพิจารณาราคาและความเหมาะสมกับโรงพยาบาล ส่วนในด้านการกระจายโอกาสการพัฒนาของสถานบริการ จะให้มีการปรับในส่วนของพื้นที่ที่ได้มากเกินความจำเป็น เพื่อนำไปเกลี่ยให้พื้นที่ยังไม่ได้ เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์กับประชาชนทุกพื้นที่เท่าเทียมกัน