xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เร่งบรรจุยาจิตเภท-ซึมเศร้าลงบัญชียาหลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยาSertraline (ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต)
“วิทยา” รับปากให้ของขวัญปีใหม่ผู้ป่วยจิตเวช เร่งประสานเสธ.หนั่น ประชุมคณะกรรมการฯ นัดแรก บรรจุยาเซอร์ทราไลน์ รักษาโรคซึมเศร้า และยาริสเพอริโดนรักษาโรคจิตเภท เข้าไปอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ขณะที่มติบอร์ดสปสช.ไฟเขียวขยายสิทธิ์รพ.เบิกจ่ายยาจิตเวชได้ทันที ดันเป็นยาขนานแรกสำหรับผู้ป่วย พร้อมเตรียมจัดงบซื้อยาปี 2553 จำนวน 37 ล้านบาท

วันที่12 ตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากที่สธ.ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชประกอบด้วย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมสุขภาพจิต ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศ และสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต ซึ่งที่ประชุมมีมติที่จะผลักดันยาเซอร์ทราไลน์(Sertraline) รักษาโรคซึมเศร้า(Depressive disorder) และยาริสเพอริโดน (Risperidone) รักษาโรคจิตเภท(Schizophrenia) ซึ่งมีคุณภาพดี ความปลอดภัยสูง เข้าไปอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่ออนุมัติบรรจุยาเข้าไปในบัญชียาหลักแล้ว ใช้รักษาผู้ป่วยระบบเดียวกันทั่วประเทศ

“จากเดิมที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ที่มีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เตรียมที่จะมีการเปิดประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่เนื่อง พล.ต.สนั่น ติดภารกิจ เลื่อนการประชุมออกไปเป็นเดือนพฤศจิกายน ดังนั้น จะประสานให้พล.ต.สนั่น ประชุมเร็วขึ้น เพื่อให้บรรจุยาเข้าในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ประชาชนเข้าถึงยากลุ่มจิตเวชเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้”นายวิทยากล่าว

ด้านนพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกันกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศ สำนักงานประกันสังคม และสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และส่งเสริมการเข้าถึงยาจิตเวชที่จำเป็น รวมทั้งติดตามปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ว่าได้เตรียมพิจารณานำยาริสเพอริโดนและยาเซอร์ทราไลน์ซึ่งเป็นยารักษาอาการโรคซึมเศร้าและจิตเวช เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งยาทั้ง 2 ชนิดหมดสิทธิบัตรแล้วและอภ.อยู่ระหว่างการผลิตยาทั้ง 2 ชนิดนี้ โดยมีการสั่งสารตั้งต้นจากต่างประเทศมาผลิตเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบชีวสมมูลคาดว่าจะเสร็จในเดือนพฤศจิกายนและขึ้นทะเบียนตำรับยาสามัญกับอย.ราวเดือนธันวาคม และหากยาทั้ง 2 ชนิดถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว สปสช.ก็จะนำไปบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์เพื่อให้ประชาชนได้รับการรักษาต่อไป

“มีโอกาสเป็นไปได้อย่างมากที่ จะนำยาเซอร์ทราไลน์มาเป็นยาขนานแรกที่จ่ายให้กับผู้ป่วยจิตเวชตามข้อเสนอ เครือข่ายผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชฯ ซึ่งตรงกับความเห็นของสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ส่วนยาจิตเวชตัวอื่นที่มีราคาแพง นอกเหนือจาก 2 ตัวนี้ที่คณะอนุกรรมการคัดเลือกมาอย่างดีแล้ว ก็อาจนำมาพิจารณา รวมถึงไม่ขัดข้องหากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเกี่ยวกับผู้ป่วยจิตเวชจะเข้ามาเป็นคณะกรรมการฯ ร่วมเป็นตัวแทนในการพิจารณาด้วย”นพ.ชาตรีกล่าว

นพ.ชาตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตปี 2551 ประเทศไทย มีผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการเริ่มต้นถึงรุนแรง ทั้งหมดร้อยละ 20 หรือ 12 ล้านคน โดยเป็นโรคจิตเภทรุนแรงประมาณ 3-6 แสนคน โรคซึมเศร้า ประมาณ 6 แสน-1.2 ล้านคน และโรคอารมณ์แปรปรวนประมาณ 2 .4 แสนคน ซึ่งในจำนวนนี้เข้าถึงบริการสุขภาพเพียงร้อยละ 4 หรือ 4.8 แสนคนเท่านั้น

นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า สำหรับยาเซอร์ทราไลน์ เป็นยาใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า รักษาอาการคุ้มคลั่ง(mania) รักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ( Obsessive – compulsive disorder) รักษาอาการอารมณ์แปรปรวน 2 ขั้วที่เรียกว่าไบโพล่าร์ ( Bipolar disorder) และรักษาพฤติกรรมก้าวร้าว มีผลข้างเคียงน้อย ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้าถึงยาชนิดนี้เพียง 4.8 หมื่นคน หรือร้อยละ 4 จากจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 1.2 ล้านคน เนื่องจากยาต้นตำรับ ราคาเม็ดละ 37 บาท ผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 13,505 บาทต่อปี

ส่วนยาริสเพอริโดน เป็นยารักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท รักษาได้ผลดี มีผลข้างเคียงน้อย ประเทศไทยผู้ป่วยที่เข้าถึงยาตัวนี้มีน้อยมากไม่ถึงร้อยละ 5 จากผู้ป่วยที่มีกว่า 6 แสนคน ยาต้นตำรับราคาเม็ดละ 64 บาท บาท ต้องกินวันละ 2 เม็ด ดังนั้นผู้ป่วย 1 คน จะมีค่ายาปีละ 42,340 บาท โดยหากไทยสามารถผลิตยาทั้ง 2 ตัวนี้ได้เอง จะทำให้ราคายาถูกลง ซึ่งอภ.ระบุสามารถผลิตยาริสเพอริโดนได้ในราคาเม็ดละไม่เกิน 5 ส่วนยาเซอร์ทราไลน์ ราคาเม็ดละ 2-3 บาท ดังนั้น จึงทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา

“ ที่ผ่านมาการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยจิตเวช มีข้อจำกัดหลายประการ ทั้งในด้านการเดินทางไปโรงพยาบาลของผู้ป่วย เนื่องจากโรงพยาบาลจิตเวชและคลินิกจิตเวชมีไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่วนสถานบริการใกล้บ้านก็ไม่มียา และการถึงยายังได้น้อยเนื่องจากยามีราคาแพง และผู้ป่วยจิตเวชส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ขณะนี้กรมสุขภาพจิต ได้ร่วมกับราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย พัฒนาระบบการส่งต่อเพื่อให้ผู้ป่วยจิตเวชรักษาใกล้บ้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายเดินทาง โดยส่งเสริมให้แพทย์โรงพยาบาลชุมชน สามารถตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยและสั่งยาใช้ยาได้ภายในโรงพยาบาล จะทำให้ผู้ป่วยได้รับความสะดวกมากขึ้น มั่นใจว่าระบบนี้จะสามารถลดอาการกำเริบและต้องเข้าโรงพยาบาลจากปัญหาขาดยาได้”นพ.ชาตรีกล่าว

ด้านนพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า มติบอร์กสปสช.ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ในยาจิตเวชทั้ง 2 ตัว คือ ยาเซอร์ทราไลน์ และยาริสเพอริโดน โดยไม่ต้องรอให้ยาทั้ง 2 ชนิด เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ เนื่องจากการนำยาเข้าบัญชียะหลักจะต้องมีขั้นตอนและใช้เวลานาน ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยในระหว่างที่ยาสามัญกำลังขอขึ้นทะเบียน อาจจะมีการต่อรองราคายาต้นตำรับให้ถูกลง นอกจากนี้ในปี 2553 สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 37 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อยาให้กับโรงพยาบาลต่างๆเพื่อรักษาผู้ป่วยทำให้มั่นใจว่าจะทำให้โรคจิตเภทและโรคซึมเศร้าทุกคน ได้เข้าถึงการรักษา รวมทั้งยาที่มีคุณภาพแน่นอน

ด้านภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการฯอย. กล่าวว่า สำหรับยาริสเพอริสโดนมีผู้ผลิตยาสามัญในไทยมายื่นขอขึ้นทะเบียนตำรับยา 3 ราย ซึ่งเร็วๆ นี้อย.จะอนุมัติขึ้นทะเบียนยา 1 ราย ส่วนยาเซอร์ทราไลน์มีผู้ผลิตยาสามัญมายื่นขอขึ้นทะเบียน 2 รายโดยเป็นผู้ผลิตยาของอินเดีย และผู้ผลิตจากไทย ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบยาฯ จะบรรจุยาเข้าบัญชียาหลักในหมวดบัญชี จ.ข้อย่อย 1 เพื่อให้สปสช.สามารถบรรจุเข้าชุดสิทธิประโยชน์ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น