หลังจากที่คดียื้ดเยื้อมานาน ในที่สุด "ฟิล สเปคเตอร์" โปรดิวเซอร์ระดับตำนานที่ร่วมงานกับสมาชิกของสี่เต่าทองผู้ล่วงลับถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาถึง 19 ปีในวันที่ศุกร์ที่ผ่านมา ในข้อหาฆาตกรรมดาราสาวที่บ้านพักของเขาเองเมื่อปี 2003
ฟิล สเปคเตอร์ โปรดิวเซอร์ระดับตำนานวัย 69 ผู้ปฎิวัติวงการบันทึกเสียงในยุค 60 จนได้สมญาว่า Wall of Sound ถูกโทษจำคุกเป็นเวลาถึง 19 ปีเมื่อศาลสูงของลอส แองเจลิสยืนตามคำร้องของอัยการที่ตัดสินโทษไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
อลัน แจ็คสัน ทนายฝ่ายอัยการได้ยืนคำร้องโทษจำคุกเป็นเวลา 19 ปีต่อสเปคเตอร์ ในข้อหาฆาตกรรม ลานา คลากสัน ดาราสาววัย 40 ผู้ที่เคยมีผลงานเป็นที่รู้จักจากหนังปี 1985 เรื่อง The Barbarian Queen เมื่อปี 2003 ที่บ้านพักของเขาเอง
แม้ว่าโทษขั้นต่ำของข้อหานี้จะเป็นการจำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึงตลอดชีวิต แต่ทางอัยการก็ยืนยันที่จะเพิ่มเวลาจำคุกไปอีก 4 ปีในข้อหาการใช้ปืนส่วนบุคคลในที่เกิดเหตุ
ลานา คลากสัน ซึ่งขณะนั้นผันตัวมาทำงานไนท์คลับ ถูกพบในท่านั่งตัวงอบนเก้าอี้พร้อมแผลฉกรรจ์บนศีรษะ ในห้องโถงคฤหาสน์ของสเปคเตอร์เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ปี 2003 ซึ่งก่อนหน้าเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมงทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรกที่ไนท์คลับที่เธอทำงานอยู่
ทนายฝ่ายจำเลยออกมาแก้ต่างในการสอบคดีเป็นครั้งที่สองว่าดาราสาวซึ่งอยู่ในช่วงตกต่ำของอาชีพในเวลานั้นเป็นคนฆ่าตัวตายในบ้านของเขาเอง
แต่ทางอัยการแจ็คสันมีหลักฐานที่แน่นหนาว่าสเปคเตอร์มีคลั่งไคล้การใช้ปืนอย่างผิดปกติและมีประวัติด้านการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงที่พยายามจะหนีจากเขาไป
พยานสาว 5 คนที่รู้จักกับสเปคเตอร์ให้การต่อศาลว่าพวกเธอเคยถูกสเปคเตอร์ขู่ด้วยการเอาปืนชี้หน้ามาแล้วในยุค 70
อดีตคนขับรถของสเปคเตอร์ให้การต่อคณะลูกขุนว่าพบเห็นการทำลายหลักฐานในคืนที่เกิดเหตุ เมื่อเขาเห็นสเปคเตอร์เดินออกมาจากประตูบ้านด้วยมือที่โชกเลือดและปืนที่อยู่ในมือ พร้อมกับบอกเขาว่า "ฉันคิดว่าฉันฆ่าคนตาย"
โดยไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่อดีตดาราสาวจะเสียชีวิตในบ้านของเขา สเปคเตอร์เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าเขาเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar disorder) และเรียกตัวเองว่าเป็น "คนค่อนข้างเสียสติ"
ทนายฝ่ายจำเลยแย้งข้อกล่าวหาฆาตกรรมเนื่องจากปราศจากหลักฐานที่แน่นหนา ทั้งการไม่พบเขม่าดินปืนทั้งที่มือของและเสื้อผ้าของสเปคเตอร์
แต่ทางอัยการแจ็คสันก็ให้การแย้งว่าสเปคเตอร์มีนิสัยจ่อปืนที่หน้าผู้หญิงมานับทศวรรษ และยังสร้างภาพเหตุการณ์จำลองว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเชื่อว่านางเอกสาวใหญ่เสียชีวิตจากการฆาตกรรม
"สเปคเตอร์หยิบปืนที่บรรจุกระสุนออกมาจากตู้ของเขาเพื่อเอามาขู่ลานาเมื่อเธอพยายามจะหนีไปจากบ้านพักของเขา จนเมื่อลานามานั่งที่เก้าอี้ที่ประตูหลังโดยมีกระเป๋าห้อยอยู่ที่ไหล่ขวาของเธอ สเปคเตอร์ชักปืน จนสุดท้ายลานาก็ถูกยิงกรอกปากตอนที่เธอพยายามหลบเลี่ยงด้วยความกลัวสุดขีด" อัยการแจ็คสันเขียนเอาไว้ในสำนวนฟ้องร้อง
ทางด้านบทบาทในวงการเพลง สเปคเตอร์ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการดนตรีป็อปยุค 60 ทั้งการสร้างเพลงดังๆ อย่าง Da Doo Ron Ron, Be My Baby, Baby, You've Lost That Lovin' Feelin และร่วมงานกับศิลปินดังๆ มาแล้วมากมายทั้ง ทีนา เทอร์เนอร์, The Ramones, The Ronettes, The Righteous Brothers และผลงานที่ยังคงเป็นตำนานอย่างการเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอัลบั้มชุด Let It Be ของ The Beatles รวมทั้งร่วมโปรดิวซ์ในผลงานเดี่ยวอันโด่งดังของ จอร์จ แฮร์ริสัน และ จอห์น เลนนอน ทั้ง All Things Must Pass และ Imagine
การตัดสินจำคุกสเปคเตอร์ ถือเป็นการยุติสถิติการแพ้คดีฆาตกรรมคนดังของศาลในแคลิฟอร์เนียที่ยาวนานมาหลายทศวรรษทั้งคดีของ โอ.เจ. ซัมป์สัน และ โรเบิร์ต เบลค ที่รอดข้อหาฆาตกรรมภรรยาตัวเองทั้งคู่