สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข ค้านบีบ “วิทยา” ลาออก ชี้ต้องทำความจริงให้กระจ่าง ไม่ใช่หนีปัญหา แนะรีบตั้งคณะกรรมการคนนอกตรวจสอบแทน “หมอเสรี” เหตุเป็นแคนดิเดตนั่งรองปลัด สธ.ดูไทยเข้มแข็ง หวั่นสังคมไม่เชื่อถือ พร้อมย้าย ผอ.สนย.-สบภ.พ้นตำแหน่งก่อน ไม่ต้องรอผลสอบ เปิดทางการตรวจสอบสะดวก โปร่งใส
นายไพศาล บางชวด นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข กล่าวว่า สมาคมขอเรียกร้องเกี่ยวกับการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งของสธ. 3 ประเด็น ได้แก่ 1.ไม่เห็นด้วยกับการบีบให้ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุขลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเป็นการหนีปัญหาไม่ใช่แก้ปัญหา แต่ รมว.สธ.จะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพื่อดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส จนสามารถเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นคนนอก ซึ่งมีความเป็นกลาง สังคมเชื่อถือและให้การยอมรับเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
“การที่ตั้งนพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ ไม่ได้ทำให้ความเคลือบแคลงใจของประชาชนหายไป เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ที่อาจจะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นรองปลัด สธ.ด้านบริหารที่รับผิดชอบโครงการไทยเข้มแข็งในอนาคต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดทางให้คณะกรรมการที่เป็นคนนอกเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ และเปิดเผยความจริงโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนักการเมืองและข้าราชการ เพราะเรื่องนี้สะเทือนขวัญคนในวงการสาธารณสุขอย่างมาก และเรื่อง สธ.ที่อื้อฉาวในอดีตก็ยังคลุมเคลืออยู่เกือบหมด” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวอีกว่า 2.รมว.สธ.ต้องดำเนินมาตรการทางบริหารสำหรับข้าราชการประจำที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง โดยไม่ต้องรอผลสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบแล้วเสร็จ ด้วยการย้ายหรือปรับผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) และผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการไทยเข้มแข็งพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้คณะกรรมการเข้าตรวจสอบข้อมูลได้อย่างเต็มที่
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า และ 3.ในส่วนของคณะกรรมการย่อยที่ทำหน้าที่ทบทวนรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็งทั้งหมด ควรให้มีผู้แทนจากวิชาชีพสาธารณสุขเข้าร่วมด้วยโดยเฉพาะในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เนื่องจากสมาชิกสมาคมฯส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในสถานีอนามัย (สอ.) เกือบ 1 หมื่นแห่ง และในฐานะที่เป็นองค์กรแรกที่ออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลใสขั้นตอนของการสำรวจความต้องการครุภัณฑ์ จากการที่ พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัด สธ.ด้านบริหารลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ให้ สอ.ทำการแจ้งความต้องการรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างเพียง 3 วัน และติดวันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งในส่วนของสิ่งก่อสร้าง เจ้าหน้าที่โยธาไม่สามารถทำการรับรองได้ทัน เท่ากับเป็นการเร่งรีบแบบผิดสังเกต และร้องให้มีการทบทวนรายการใหม่
“สมาคมออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ เป็นการพิทักษ์และปกป้องผลประโยชน์ชาติและแผ่นดิน จึงอยากเรียกร้องให้คนที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการประจำที่เกษียณอายุราชการแล้วหรือยังอยู่ในตำแหน่ง รับผิดชอบต่อสังคม” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล บางชวด นายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข กล่าวว่า สมาคมขอเรียกร้องเกี่ยวกับการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งของสธ. 3 ประเด็น ได้แก่ 1.ไม่เห็นด้วยกับการบีบให้ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุขลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเป็นการหนีปัญหาไม่ใช่แก้ปัญหา แต่ รมว.สธ.จะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพื่อดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใส จนสามารถเอาผิดทางกฎหมายกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นคนนอก ซึ่งมีความเป็นกลาง สังคมเชื่อถือและให้การยอมรับเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
“การที่ตั้งนพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ ไม่ได้ทำให้ความเคลือบแคลงใจของประชาชนหายไป เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ที่อาจจะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นรองปลัด สธ.ด้านบริหารที่รับผิดชอบโครงการไทยเข้มแข็งในอนาคต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดทางให้คณะกรรมการที่เป็นคนนอกเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ และเปิดเผยความจริงโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนักการเมืองและข้าราชการ เพราะเรื่องนี้สะเทือนขวัญคนในวงการสาธารณสุขอย่างมาก และเรื่อง สธ.ที่อื้อฉาวในอดีตก็ยังคลุมเคลืออยู่เกือบหมด” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวอีกว่า 2.รมว.สธ.ต้องดำเนินมาตรการทางบริหารสำหรับข้าราชการประจำที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง โดยไม่ต้องรอผลสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบแล้วเสร็จ ด้วยการย้ายหรือปรับผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) และผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการไทยเข้มแข็งพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้คณะกรรมการเข้าตรวจสอบข้อมูลได้อย่างเต็มที่
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า และ 3.ในส่วนของคณะกรรมการย่อยที่ทำหน้าที่ทบทวนรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างโครงการไทยเข้มแข็งทั้งหมด ควรให้มีผู้แทนจากวิชาชีพสาธารณสุขเข้าร่วมด้วยโดยเฉพาะในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เนื่องจากสมาชิกสมาคมฯส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในสถานีอนามัย (สอ.) เกือบ 1 หมื่นแห่ง และในฐานะที่เป็นองค์กรแรกที่ออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลใสขั้นตอนของการสำรวจความต้องการครุภัณฑ์ จากการที่ พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัด สธ.ด้านบริหารลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ให้ สอ.ทำการแจ้งความต้องการรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างเพียง 3 วัน และติดวันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งในส่วนของสิ่งก่อสร้าง เจ้าหน้าที่โยธาไม่สามารถทำการรับรองได้ทัน เท่ากับเป็นการเร่งรีบแบบผิดสังเกต และร้องให้มีการทบทวนรายการใหม่
“สมาคมออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ เป็นการพิทักษ์และปกป้องผลประโยชน์ชาติและแผ่นดิน จึงอยากเรียกร้องให้คนที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการประจำที่เกษียณอายุราชการแล้วหรือยังอยู่ในตำแหน่ง รับผิดชอบต่อสังคม” นายไพศาล กล่าว
