xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ลั่นไม่เจรจารถดับเพลิงสไตเออร์ฯ หวั่นเสียค่าโง่แพ้คดีชั้นศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“มาร์ค” หวั่นเสียค่าโง่แพ้คดีชั้นศาล สั่งถอนตั้ง กก.เจรจา สไตเออร์ฯ นำรถดับเพลิงมาใช้ ลั่นกลางที่ประชุม รบ.ชุดนี้ไม่ออกมติ ครม.ยอมรับความผิดพลาด เผย “มหาดไทย” ชง เพราะจ่ายเงินครบแล้ว “ปู่จิ้น” ลั่นอยากได้เศษเหล็กมาใช้ก่อน หวั่นเสื่อมสภาพ

วานนี้ (25 ส.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ถอนเรื่องตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้ ครม. อนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการในการเจรจากับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียลฟาห์รซอยก์ เอจี แอนด์ โค เคจี เกี่ยวกับสินค้าในระหว่างรอผลคดีกรณีการจัดรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยระหว่างรัฐบาลไทยกับออสเตรีย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุผลในการถอนเรื่องดังกล่าวออกไปว่า หากรัฐบาลมีมติ ครม.เพื่อรองรับให้แต่งตั้งคณะกรรมการไปเจรจากับบริษัทเอกชนนั้น แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ได้ยอมรับความผิดพลาดในอดีต เพราะปัญหาโครงการนี้ คือ เดิมทางรัฐบาลมีมติ ครม.ให้ดำเนินโครงการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล แต่ทาง กทม.กลับไปทำสัญญากับบริษัทเอกชน ซึ่งขัดมติ ครม.

ดังนั้น หากรัฐบาลมีมติ ครม.ออกไปเสมือนหนึ่งว่ารัฐบาลชุดนี้ยอมรับความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในอดีต ย่อมกระทบต่อการดำเนินการในคดีที่อยู่ในชั้นศาล และจะทำให้ฝ่ายรัฐเสียเปรียบได้ แต่อย่างไรก็ตามหากกระทรวงมหาดไทย กับ กทม.จะตั้งคณะกรรมการไปเจรจากับบริษัทเอกชน ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ในนามมติ ครม.

แหล่งข่าวระบุว่า นายถาวร เสนเนียม รมช.กระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจง นายกฯ ว่า การแต่งตั้งกรรมการไปเจรจากับบริษัทเอกชนไม่มีผลต่อรูปคดี แต่สิ่งที่ทางกระทรวงเสนอ เพราะต้องการลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถดับเพลิงที่จอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่กำลังชำรุดเสียหาย ขณะที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวเสริมว่าขึ้นมาว่า ทาง กทม.ก็ได้จ่ายเงินไปหมดแล้ว แต่กลับได้เศษเหล็กมาก่อทิ้งไว้ ซึ่งควรนำมาใช้จะดีกว่า

แหล่งข่าวแจ้งด้วยว่า นายกฯได้เรียก พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม.มาชี้แจงว่า ทางกทม.ได้จ่ายเงินให้กับบริษัท สไตเออร์ฯ ไปหมดแล้วทุกงวด ล่าสุด เดือน ส.ค.เป็นงวดสุดท้าย โดยทาง กทม.เป็นผู้จ่ายเองทั้งหมดที่เป็นทั้งสัดส่วนของรัฐบาล 40% และทางรัฐบาล 60% เนื่องจากทางรัฐบาลไม่สามารถออกค่าใช้จ่ายในส่วน 60% ได้ เนื่องจากรถดับเพลิงและอุปกรณ์ทั้งหมด ยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจรับพัสดุ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี

ด้านนายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ได้แสดงความเห็นว่า คู่สัญญาที่แท้จริงคือใครกันแน่เพราะมติ ครม.เดิมนั้นมีมติให้ กทม.ทำสัญญาแบบจีทูจีแต่ในการทำสัญญาในวันนี้กลับไม่ได้ทำอย่างนั้น อย่างไรก็ตามที่ประชุม ครม. สั่งการให้เลขาธิการ ครม.ไปตรวจสอบในเรื่อง มติครม.เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อีกครั้งหนึ่งจากนั้นให้นำกลับเข้าที่ประชุม ครม.ใหม่

รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ ให้อนุมัติในหลักการแต่งตั้งคณะกรรมการในการเจรจากับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียลหาห์ซอย์ เอจี แอนด์ โค เคจี เกี่ยวกับสินค้าในระหว่างรอผลคดีกรณีการจัดรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยระหว่างรัฐบาลไทยกับออสเตรีย ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กรมบัญชีกลาง และ กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาข้อเท็จจริงเห็นว่า หากรอผลการพิจารณาของศาลว่าสัญญาซื้อขายมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ จะต้องใช้เวลานานและไม่แน่ชัดว่าผลดีจะเป็นประการใด ซึ่งต้องรอต่อไปอาจจะทำให้สินค้าเสื่อมสภาพรวมถึงมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าหน้าท่า ค่าภาษี ค่าปรับ ดังนั้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ จึงเห็นควรขออนุมัติหลักการในการเจรจากับบริษัทดังกล่าว เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าในระหว่างคดี

อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการดังกล่าวไม่กระทบต่อการโต้แย้งหรือการดำเนินการในคดี ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ให้ความเห็นว่าคดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดแล้ว และอยู่ระหว่างส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ การจ่ายค่างวดครั้งที่ 1.เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2550 จำนวน 791 ล้านบาท ค่างวดครั้งที่ 2.เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2550 จำนวน 777 ล้านบาท ค่างวดครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2551 จำนวน 785 ล้านบาท ค่างวดครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2551 จำนวน 832 ล้านบาท และ ค่างวดครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2552 จำนวน 718 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3,905 ล้านบาท ขณะที่เหลืออีก 4 งวด และจะต้องชำระงวดที่ 6 ในเดือน ส.ค.2552 นี้

กำลังโหลดความคิดเห็น