กมธ.ทหาร รัฐสภา จี้กรมการปกครอง มหาดไทย ทบทวนซื้อปืน SK102 ให้อาสาสมัครชายแดนใต้ ชี้ประสิทธิภาพร้ายแรงเกิน ทั้งมีราคาแพงมากกว่าราคาตลาด เตรียมส่งข้อมูลให้ “มาร์ค” พิจารณา ปัดไม่ได้จ้องเอาผิด “ภูมิใจไทย” ขณะที่กรมปกครองอ้างบริษัทปืนไม่ยอมขาย M16 A2
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการการทหารสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการทหารฯว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการจัดซื้ออาวุธสงครามให้กับอาสาสมัครในพื้นที่ภาคใต้ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากพบข้อสงสัยและความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าวในเรื่องของความเหมาะสมของการสั่งซื้ออาวุธ ราคา และประสิทธิภาพ โดยพบว่ามีการเตรียมสั่งซื้อปืน SK102 ที่ไม่เคยใช้ในกองทัพและมีความร้ายแรงเกินกว่าที่จะนำไปให้อาสาสมัครใช้ อีกทั้งคณะกรรมาธิการฯยังติดใจในเรื่องประสิทธิภาพและราคา ที่สูงมากคือ ราคากระบอกละ 85,000 บาท ทั้งๆ ที่ราคาในตลาดแค่กระบอกละ 20,000 บาท อีกทั้งปืน M16 A2 ที่แม้จะมีราคาสูงกว่า คือกระบอกละ 100,900 บาท แต่เหมาะสมกว่าทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพ และเป็นปืนที่กองทัพเคยสั่งซื้ออยู่แล้ว จึงเห็นว่ากรมการปกครองควรทบทวนโครงการนี้ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการลงนาม
นายฐนโรจน์กล่าวอีกว่า แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะมีมูลค่างบประมาณไม่มากคือ 198 ล้านบาทจากการเตรียมสั่งซื้อปืน 1,800 กระบอก แต่คณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อสังเกตดังกล่าวเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้กรมการปกครองทบทวน เพราะอาจมีความไม่ชอบมาพากลหรืออาจมีความพยายามที่จะเตรียมทุจริตในการสั่งซื้อปืนได้ เพราะมีข้อสงสัยหลายประการทั้งคุณภาพของปืนที่เตรียมสั่งซื้อจากประเทศจีน คุณภาพต่ำซื้อมาแล้วก็ต้องทิ้ง อีกทั้งราคาสูงกว่าตลาด และในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะนำข้อมูลส่งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบด้วย
นายฐนโรจน์กล่าวด้วยว่า สำหรับการชี้แจงของตัวแทนกรมการปกครองในวันนี้นั้น ได้ชี้แจงเบื้องต้นต่อคณะกรรมการธิการฯว่า สาเหตุที่ต้องซื้อปืน SK102 คือ เดิมกรมการปกครองเตรียมจะซื้อปืน M16 A2 แต่ปรากฏว่าบริษัทปืนบอกว่าไม่สามารถขายในราคากระบอกละ 100,900 บาทได้ จึงต้องยกเลิก และหันมาเลือกปืน SK102 แทน อีกทั้งระบุว่ากรมการปกครองไม่สามารซื้อปืนแบบจีทูจีได้ และไม่ได้ส่วนลดทางภาษี
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอให้ตรวจสอบการดำเนินดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้ นายฐนโรจน์กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.เมื่อเข้ามาทำงานแล้วพบความผิดปกติก็ต้องตรวจสอบ และไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ถึงแม้พบว่าเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ก็จะต้องตรวจสอบ
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการการทหารสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการทหารฯว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีการจัดซื้ออาวุธสงครามให้กับอาสาสมัครในพื้นที่ภาคใต้ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากพบข้อสงสัยและความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าวในเรื่องของความเหมาะสมของการสั่งซื้ออาวุธ ราคา และประสิทธิภาพ โดยพบว่ามีการเตรียมสั่งซื้อปืน SK102 ที่ไม่เคยใช้ในกองทัพและมีความร้ายแรงเกินกว่าที่จะนำไปให้อาสาสมัครใช้ อีกทั้งคณะกรรมาธิการฯยังติดใจในเรื่องประสิทธิภาพและราคา ที่สูงมากคือ ราคากระบอกละ 85,000 บาท ทั้งๆ ที่ราคาในตลาดแค่กระบอกละ 20,000 บาท อีกทั้งปืน M16 A2 ที่แม้จะมีราคาสูงกว่า คือกระบอกละ 100,900 บาท แต่เหมาะสมกว่าทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพ และเป็นปืนที่กองทัพเคยสั่งซื้ออยู่แล้ว จึงเห็นว่ากรมการปกครองควรทบทวนโครงการนี้ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการลงนาม
นายฐนโรจน์กล่าวอีกว่า แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะมีมูลค่างบประมาณไม่มากคือ 198 ล้านบาทจากการเตรียมสั่งซื้อปืน 1,800 กระบอก แต่คณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อสังเกตดังกล่าวเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้กรมการปกครองทบทวน เพราะอาจมีความไม่ชอบมาพากลหรืออาจมีความพยายามที่จะเตรียมทุจริตในการสั่งซื้อปืนได้ เพราะมีข้อสงสัยหลายประการทั้งคุณภาพของปืนที่เตรียมสั่งซื้อจากประเทศจีน คุณภาพต่ำซื้อมาแล้วก็ต้องทิ้ง อีกทั้งราคาสูงกว่าตลาด และในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะนำข้อมูลส่งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบด้วย
นายฐนโรจน์กล่าวด้วยว่า สำหรับการชี้แจงของตัวแทนกรมการปกครองในวันนี้นั้น ได้ชี้แจงเบื้องต้นต่อคณะกรรมการธิการฯว่า สาเหตุที่ต้องซื้อปืน SK102 คือ เดิมกรมการปกครองเตรียมจะซื้อปืน M16 A2 แต่ปรากฏว่าบริษัทปืนบอกว่าไม่สามารถขายในราคากระบอกละ 100,900 บาทได้ จึงต้องยกเลิก และหันมาเลือกปืน SK102 แทน อีกทั้งระบุว่ากรมการปกครองไม่สามารซื้อปืนแบบจีทูจีได้ และไม่ได้ส่วนลดทางภาษี
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอให้ตรวจสอบการดำเนินดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้ นายฐนโรจน์กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.เมื่อเข้ามาทำงานแล้วพบความผิดปกติก็ต้องตรวจสอบ และไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องการเมือง ถึงแม้พบว่าเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ก็จะต้องตรวจสอบ
