"ผ่าประเด็นร้อน"
ต้องเรียกว่ารวบรัดและรวดเร็วเกินคาดสำหรับการผลักดันแต่งตั้ง มานิต วัฒนเสน จากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่สืบแทน วิชัย ศรีขวัญ ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้
ที่ต้องบอกเช่นนั้นก็เพราะว่าจากเดิมกำหนดเอาไว้ว่าจะเสนอรายชื่อขึ้นไปให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติในสัปดาห์หน้า คือราววันอังคารที่ 25 สิงหาคม ซึ่งก็ถือว่ายังเร็วไม่ใช่น้อย แต่การที่เสนอพรวดพราดเข้ามาก่อนกำหนด มันก็ย่อมมองได้ต่างๆนานา
อย่างน้อยเท่าที่สังเกตก็คือ เป็นการตัดเกม หยุดความเคลื่อนไหวภายในกระทรวงมหาดไทยก่อนที่เกิดแรง “กระเพื่อม” จากบรรดานักวิ่งเต้นทั้งหลาย ซึ่งก็ต้องรู้กันว่าในบรรดาข้าราชการที่เป็น “พันธุ์พิเศษ” มีความใกล้ชิดรับใช้การเมืองมานาน ก็ต้องยกให้กระทรวงนี้ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ดังนั้นถ้าได้ตัวปลัดกระทรวงยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี ฝุ่นจะได้คลุ้งน้อยลง
อีกอย่างก็คือต้องการประกันความชัวร์เอาไว้ก่อน เพราะสถานการณ์การเมืองยังไม่แน่นอนอะไรก็เกิดขึ้นได้
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมาก็คือ การเร่งรัดแต่งตั้งจะมีความหมาย และส่งสัญญาณอย่างไรบ้าง อย่างที่บอกก็คือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องการกระเพื่อมจากภายในหน่วยงานด้วยกันเอง และอย่างที่สองที่ถือว่าสำคัญมาก และต่อเนื่องกันก็คือตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับรัฐบาลทั้งในวันนี้และในวันหน้า
ยิ่งในบรรยากาศการเมืองและเศรษฐกิจที่รุมเร้าเข้ามาทุกทางแบบนี้ ก็ต้องรีบยึดกุมตรงนี้เอาไว้ก่อน เพราะหากมองข้ามช็อตไปไม่ไกลนัก นับจากนี้ไปอีกไม่นานปลัดกระทรวงฯ ก็ต้องเป็นคนทำบัญชีโยกย้ายข้าราชการระดับอธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัดรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 ตำแหน่ง ย่อมมีผลทางการเมืองและการเลือกตั้งในครั้งหน้า
ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปสำหรับการแต่งตั้งในครั้งนี้ก็คือ ใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง มีอิทธิพลในการผลักดัน แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคือ ชวรัตน์ ชาญวีรกุล และเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่ในวงการรับรู้กันทั่วไปแล้วว่าคนที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลอยู่หลังฉากคือ “เนวิน ชิดชอบ” และเมื่อพิจารณาจากตัวปลัดกระทรวงคนใหม่และแบ็กกราวด์ ความเป็นมาก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่ผูกผันอุ้มสมกันมาอย่างยาวนาน
หากย้อนดูประวัติทั้งคู่เริ่มมีความสัมพันธ์แนบแน่นมาตั้งแต่ในยุคที่ มานิต เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดชายแดนใต้ เมื่อราวปี 2549 ที่ปัตตานี และสตูล เพราะถ้ายังจำกันได้ในยุคนั้นยังเป็นยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร ครองเมือง ได้มอบหมายให้ เนวิน เป็นหัวหอกลงไปดูแลปัญหา และให้ถืองบพัฒนาพื้นที่แถบนั้นอยู่พักใหญ่ อีกทั้งยังได้รับมอบอำนาจในการวางตัวผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยได้อีกด้วย ถือว่าเป็นยุค “ขึ้นหม้อ” มีอำนาจและบารมีไม่น้อย
แต่บังเอิญว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มัน “ละเอียดอ่อน” เกินกว่าไปสร้างภาพฉาบฉวยชั่วข้ามคืนได้เหมือนที่อื่นๆ ทำให้หลายโครงการล้มเหลวไม่เป็นท่า อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ก็ยังดำเนินไปไม่เปลี่ยนแปลง จนกระทั่งมานิต ได้มาเป็นผู้ว่าฯขอนแก่น
และในที่สุดก็ได้มาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ก็ว่ากันว่าได้รับการสนับสนุนสำคัญจาก คนชื่อ เนวิน นี่แหละ เพราะหน่วยงานดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากรมการปกครอง เพราะมีผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นฐานเสียงสำคัญ และที่มองข้ามไม่ได้ก็คือ มีงบประมาณจำนวนมหาศาล
ซึ่งปัจจุบันรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) จากพรรคภูมิใจไทยคือ บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็นคนที่กำกับดูแลกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดมาตลอด
เมื่อได้รับรู้ข้อมูลความเป็นมาแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ มานิต วัฒนเสน จึงได้รับการส่งเสริมผลักดันมาจนถึงวันนี้ โดยทิ้งห่างคู่แข่ง อย่าง วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง หลายช่วงตัว
อย่างไรก็ดีจะว่าไปแล้ว การได้ มานิต ก็ถือว่าได้รับความพอใจไม่น้อยจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมาเคยเป็นพ่อเมืองวนเวียนอยู่หลายจังหวัดในภาคใต้ สามารถสร้างสายสัมพันธ์ได้อย่างดี
เมื่อพิจารณาจากอาการรวบรัดตัดเกมเพื่อแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าอำนาจฝ่ายปกครองได้อยู่ในมือของ “เนวิน ชิดชอบ” อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว และอีกไม่นานก็จะกระชับอำนาจแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดอีกชุดใหญ่ เพื่อรับมือความเคลื่อนไหวทางเมือง อีกทั้งรองรับการเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
และหากมองเชื่อมโยงไปยังวงการตำรวจ ที่ต่อท่ออำนาจผ่านทาง พล.อ.ประวิตร และน้องชายคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในการโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ชั้นนายพล 152 ตำแหน่ง มาจนถึงระดับรองผู้บังคับการลงมานับพันตำแหน่ง ก็ยิ่งขับเน้นให้คนๆ นี้ไม่ธรรมดามากยิ่งขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีปัญหาจุกจิกในเรื่องของการ “กินรวบ” ไม่ยอมกินแบ่ง แต่รับรองว่า ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
ดังนั้นเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องรีบเร่งเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่อย่างรวดเร็ว และรวบรัด จนหลายคนตั้งตัวไม่ทัน !!