xs
xsm
sm
md
lg

“วิทยา” สั่ง สสจ.ทำแผนรับมือระบาดหวัดใหญ่ 2009 รอบ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“วิทยา” สั่ง สสจ.ทำแผนรับมือระบาดหวัดใหญ่ 2009 รอบ 2 ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตจากหวัดใหญ่ ร้อง สธ.ขอเวชระเบียนจากโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง ที่รักษาช้าจนเสียชีวิต คาด ทราบผลข้อเท็จจริง 25 ส.ค.นี้

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 รอบที่ 2 โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด แม้ว่าบริบทของพื้นที่จะไม่เอื้อต่อการแพร่กระจายของโรคเหมือนกับในเขตเมือง แต่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) แต่ละแห่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เนื่องจาก สธ.ได้ดำเนินการแจกจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ และชี้แจงแผนการดำเนินงานให้แต่ละจังหวัดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สสจ.จะต้องจัดทำยุทธศาสตร์การรับมือการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวของแต่ละจังหวัดให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพพื้นที่

“ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ผมจะเชิญนายแพทย์ สสจ.ตามรายภาคมาเสนอแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้ สธ.รับทราบว่า มีแผนในการดูแลประชาชนอย่างไร เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการป้องกันการแพร่กระจายระหว่างส่วนกลางและภูมิภาค ช่วยให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายวิทยา กล่าว

วันเดียวกัน นายธวัชสิทธิ์ ตวงสินกุลบดี นางธัญญพัฒน์ ตวงสินกุลบดี พ่อแม่ของ นายพีรวีร์ ตวงสินกลุบดี อายุ 28 ปี ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเสียชีวิตภายหลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง เสียค่ารักษาพยาบาลกว่า 3 ล้านบาท พร้อมด้วย นายปรวุฒิ พิพัฒน์เบญจพล นางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล น้าชาย และ น้าสะใภ้ เดินทางเข้าพบ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ.เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าร้องเรียนกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

นางพวงผกา กล่าวว่า ตนต้องการให้ สธ.ดำเนินการขอเวชระเบียนจากโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งที่ดำเนินการรักษาหลานชายในช่วงแรก เนื่องจากญาติไม่สามารถดำเนินการขอจากโรงพยาบาลได้ด้วยตนเอง และในช่วง 1-2 วันแรกที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์บอกว่าอาการไม่รุนแรงและให้กลับบ้าน ทั้งที่ญาติแจ้งให้แพทย์ทราบว่า ในครอบครัวมีคนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาก่อน และภายหลังเมื่อนำผู้ป่วยกลับมาเข้ารับการรักษาพยาบาลอีกครั้ง พบว่า ปอดเป็นฝ้าทั้งปอด ซึ่งแพทย์ไม่ได้ชี้แจงถึงอาการของผู้ป่วยให้ญาติทราบ บอกเพียงว่า ไม่รอด ส่วนจะมีการฟ้องร้องโรงพยาบาลเอกชนหรือไม่ต้องหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว และให้รายงานความคืบหน้าภายในวันที่ 25 ส.ค.นี้ รวมถึงได้มอบหมายให้ช่วยดำเนินการเจรจากับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อลดค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัวนี้ เพราะค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างแพง

“ผมก็สงสัยว่า ทำไมแพทย์ถึงให้ผู้ป่วยกลับบ้านในช่วงการรักษาพยาบาล 3-4 วันแรก ทั้งที่อาการของผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น จนเมื่อผู้ป่วยกลับมารักษาตัวอีกครั้งก็พบว่ามีภาวะปอดอักเสบ และแพทย์ไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ด้วย ซึ่งคงจะอ้างว่าในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีคู่มือแนวทางการปฏิบัติของแพทย์ที่จัดทำ โดย สธ.ไม่ได้ เพราะคู่มือดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติเท่านั้น ส่วนดุลพินิจในการตัดสินใจดำเนินการรักษาผู้ป่วยต้องอยู่ที่แพทย์ที่ทำการรักษา” นายวิทยา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น