มาร์ค ประชุมร่วมปลัดฯ หารือมาตรการยับยั้งหวัด 2009 แยกวิธีแก้เป็น 2ส่วน เน้นระบบการจ่ายยาและการสกัดแพร่กระจายในชนบท พร้อมวอนให้ทุกกระทรวงช่วยกันทำงาน เตรียมตั้งสารธารณะสุขเป็นศูนย์กลางให้ความรู้ พร้อมย้ำข้าราชการอย่าเบิกค่ารักษาเกินจำเป็น
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ซึ่งเป็นการนัดประชุมผู้บริหารราชการระดับสูงประจำเดือน จัดขึ้นโดยสำนักงานข้าราชการพลเรือน ซึ่งการประชุมครั้งนี้มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เข้าร่วมประชุมด้วย จึงทำให้สื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยก่อนการเข้าประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่ได้ทักทายหรือพูดคุย กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.แต่อย่างใด
หลังวาระการประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า มีการหารือเกี่ยวกับมาตรการแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยได้มีการแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องระบบการจ่ายยา โดยทางคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังยืนยันว่า เงื่อนไข 8 ข้อในการที่จะให้ยาออกไปตามคลินิกยังจำเป็นต้องคงไว้ แต่ยังคงต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา เพราะเท่าที่ทราบที่มีการเสียชีวิตส่วนใหญ่เข้าถึงยาช้า นอกจากนี้ ทางแพทย์ผู้เชี่ยว ชาญยังเป็นห่วงเรื่องการดื้อยาในคนกลุ่มคนไข้และความไม่รัดกุมในการจ่ายยา
สำหรับในส่วนที่ 2 เมื่อมีแนวโน้มที่จะระบาดไปในชนบทมากขึ้น ระบบการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จะต้องสามารถหยุดยั้งสกัดกั้นการระบาดเข้าไปในหมู่บ้านให้ได้ โดยต้องเฝ้าระวังอย่างละเอียดเพราะ อสม.มีการมอบภารกิจไป 1 คนต่อ 10 ครอบครัว ต้องดูแลให้ได้ทั่วถึง หากใครป่วยมีอาการน่าสงสัยต้องให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หากป่วยเล็กน้อยต้องให้อยู่กับบ้าน และต้องช่วยติดตามว่า คนๆ นั้น มีโอกาสที่จะไปติดต่อแพร่เชื้อที่ไหนอย่างไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า จะมีการกระจายยาโอเซลทามิเวียร์ที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของผู้ป่วยในจังหวัดต่างๆ จะเป็นไปอย่างทั่วถึงมากกว่าเดิม เพราะที่ผ่านมาพบสถิติการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าหยุดยั้งจำนวนผู้เสียชีวิต ที่แม้จะไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเห็นผลในทันที แต่ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน จะมีการตั้งหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขให้ เป็นศูนย์กลางขององค์ความรู้เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะที่ผ่านมายังพบว่า ประชาชนยังขาดความรู้ความ สุดท้ายนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ ที่พบว่า เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 5-10 เท่า เพราะถึงจะเป็นสวัสดิการแต่เห็นว่า ข้าราชการจะต้องช่วยกันประหยัดให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย